ปัญหาทางสังคมทุกวันนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ต้องยอมรับว่าสื่อต่าง ๆ เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพจิต อาจรวมไปถึงสุขภาพทางกายด้วย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับเด็กหรือผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา กลุ่มเด็กและเยาวชนติดเกมออนไลน์ เกิดพฤติกรรมเรียนแบบในเกม เกิดภาวะซึมเศร้าคิดฆ่าตัวตาย ในวัยทำงานป่วยเป็นโรค NCDs เพิ่มมากขึ้น และผู้สูงอายุเสพติดข่าวเฟคนิวส์และเป็นเหยื่อออนไลน์มากที่สุด เรามาดูพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพในปี 2020 กันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไรและมีแนวทางแก้ไขอย่างไรกันได้บ้าง CR :ภาพประกอบจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://pixabay.com/ กลุ่มเด็กและเยาวชน ในยุคของคน GEN Z มีการใช้เวลาในการใช้อินเทอร์เน็ตโดยประมาณเฉลี่ยแล้ว 10 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ในวัยนี้ใช้เวลาในการเล่นเกมออนไลน์มากที่สุด รองลงมาเป็นการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ จะเห็นได้ว่า เด็กที่ใช้เวลากับโลกออนไลน์ยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ก็ย่อมเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและสภาพจิตใจเพิ่มขึ้น จากเด็กที่เคยอ่อนโยนกลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าวเอาแต่ใจ หากไม่ได้ในสิ่งที่หวังมักจะเกิดพฤติกรรมการเรียนแบบจากสื่อออนไลน์ที่ผิด ๆ และนำมาใช้ก่อเหตุแบบไม่คาดฝันขึ้น ยกตัวอย่างเหตุกการณ์ลูกฆาตกรรมแม่แท้ ๆ และใช้อาวุธปืนฆ่าตัวเองตายตาม กลายเป็นข่าวที่สะเทือนขวัญของคนในสังคมคนไทยเป็นอย่างมาก จึงนับได้ว่าภัยคุกคามออนไลน์ ยิ่งเสพติดมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของเยาวชนไทยเพิ่มมากขึ้น วิธีแก้ไขปัญหานั้นไม่ใช่เรื่องยาก มันติดอยู่ที่พ่อแม่และผู้ปกครองจะใส่ใจดูแลลูก ๆ ได้แค่ไหน เมื่อรู้ถึงความเสียงที่มันจะเกิดขึ้น วิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 1. ในการเล่นอินเทอร์เน็ตทุกครั้ง พ่อและแม่หรือผู้ปกครองไม่ควรที่จะให้เขาเล่นอินเทอร์เน็ตเพียงคนเดี่ยวโดยลำพัง การเผลอเข้าไปท่องโลกอินเทอร์เน็ตอาจพบเจอกับสื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม ควรหาวิธีแนะนำการใช้งานที่ถูกต้อง ดูและสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของลูก ตอบโต้กับลูกเวลาลูกถามเรื่องต่าง ๆ 2. การกำหนดระยะเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกเป็นส่วนที่สำคัญมาก เป็นการสอนให้ลูกควรใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต และควรให้ไปทำกิจกรรมอื่น ๆ บ้าง เป็นการสร้างความรับผิดชอบในตัวเองเกี่ยวกับการแบ่งเวลา 3. อธิบายหลักสำคัญ ๆ ให้เด็ก ๆ รู้จักวิเคราะห์ และแยกแยะว่า โลกของความเป็นจริงสวยงามกว่าโลกออนไลน์ สังคมออนไลน์มีแต่ความน่ากลัวและอาจถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี จะทำให้เด็ก ๆ ไม่กล้าที่ใช้งานในสื่อนั้น และแนะนำสื่อที่มีประโยชน์ทำให้เขาได้สนุกสนานกับความรู้ในสื่อนั้น ๆ 4. การตั้งค่าจำกัดข้อมูลใน Search Engine เพื่อจำกัดการใช้งาน ร่วมถึงติดตั้งโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นบล็อกสื่อที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ๆ 5. พาเด็ก ๆ ไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ หรือไปท่องเที่ยว เพื่อให้เขารู้สึกอบอุ่นและสนุกสนานในการได้พบสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้พบเห็น CR :ภาพประกอบจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี แบบชำระเงิน>>https://www.shutterstock.com/ วัยทำงาน วัยนี้คิดอย่างเดียวคือการสร้างเนื้อสร้างตัว พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ที่อาจจะมีสุ่มเสียงต่อสุขภาพก็คือปัญหาการรับประทานและการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรค อาหารยอดฮิตของคนวัยทำงานคืออาหารจานด่วน อาหารอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารเหล่านี้มักมีแป้งและไขมันจำนวนมาก การรับประทานผักน้อยลง อาหารประเภทนี้เป็นอาหารขยะ เพราะมีคุณค่าทางอาหารที่ไม่เหมาะสม พูดง่าย ๆ คือ ไม่ครบอาหารหลัก 5 หมู่ สุ่มเสียงทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต และโรคอื่น ๆ ตามมา ซึ่งเรียกกลุ่มโรคนี้ว่า โรค NCDs โรคกลุ่มนี้ไม่ใช่โรคติดต่อนะครับ เป็นโรคเกี่ยวกับพฤติกรรมความเป็นอยู่ของตัวเองในการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอหารแบบ หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารประเภทปิ้งย่าง เครื่องดื่มประเภทแอลกฮอล์ การสูบบุหรี่ พฤติกรรมการนอนดึก จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค NCDs ขึ้น วิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 1. ในวัยของคนทำงานควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นการรับประทานผักและผลไม้เพิ่มมากขึ้น กินผลไม้ประเภทที่ใช้สายตาในการทำงานและผลไม้ที่มีผลต่อระบบขับถ่ายยิ่งดีครับ 2. เลี่ยงการรับประทานอาหาร เค็มจัด หวานจัด อาหารมัน ๆ และพวกอาหารปิ้ง ๆ ย่าง ๆ จะดีมาก 3. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมออย่างน้อยก็ควรออกสัก 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ 4. พักผ่อนให้เพียงพอ หากจะให้งดแอลกอฮอล์คงคิดว่ายังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะหากไปเจองานสังคมบ่อยก็ควรที่จะดื่มให้น้อยที่สุด อย่าพยายามดื่มมากจนเกินไป และหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี CR :ภาพประกอบจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://www.flickr.com/photos/lmdo/6404483559 ผู้สูงอายุ วัยแห่งการพักผ่อน ยังต้องเสพติดกับสื่อออนไลน์ประเภท Fake News สุขภาพ การหลงเชื่อและการตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม โดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพ อาหาร และยารักษาโรค กลุ่มสูงวัยนี้ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับรู้ข่าวสารที่ผิด ๆ ถูกแนะนำและแชร์ต่อ ๆ กันบนโลกโซเชียล การแชร์ข่าว Fake News อาจได้รับผลกระทบจากข่าวและแชร์ข่าวโดยไม่รู้ตัว ในวัยผู้สูงอายุต้องระวังในเรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก การทำตามข้อมูลข่าวปลอมที่ได้รับแล้วนำมาปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อมูลอ้างอิงที่แท้จริง อาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของผู้สูงวัย เพราะฉะนั้นควรที่จะพิจารณาให้รายละเอียดของข่าวให้ถี่ถ้วนเสียก่อน โดยมีวิธีดังนี้ วิธีตรวจสอบ Fake News 1. พิจารณาการพาดหัวข่าวที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ ข่าวที่เกินจริง และตรวจสอบที่มาของแหล่งข่าว 2. พิจารณาที่รูปภาพมีการบิดเบือนรูปภาพมีความไม่เกี่ยวข้องในเนื้อหา ไม่อ้างอิงหลักฐานจากผุ้เชี่ยวชาญ 3. ข่าวปลอมมักจะมีคำผิดเยอะ ไม่ได้เป็นนักข่าวจริง ๆ มีการก็อปปี้ข่าวบางส่วนมาใช้ประกอบการทำข่าวปลอม 4. วันที่สำคัญที่สุด วันที่จะเป็นตัวบอกเหตุการณ์ที่หน้าเชื่อถือของข่าว พร้อมนำมาเปรียบเที่ยบจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ CR :ภาพประกอบจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://libreshot.com/ สรุปพฤติกรรมความเสี่ยงเหล่านี้ ยากที่จะปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือลบออกจากชีวิตประจำวันของเราได้ เพราะเราจะต้องพบเจอกับสิ่งเหล่านี้ไปตลอด ตราบใดที่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เราทำได้คือการป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น การเฝ้าระวัง การใส่ใจต่อเยาวชน ใส่ใจต่อพฤติกรรมการดำเนินชีวิต และใส่ใจในการการเสพข่าวที่น่าเชื่อถือ ก็สามารถที่จะข้ามพ้นภัยคุกคามที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของเราได้ในปี 2020 นี้ไปได้ด้วยดี CR : ที่มาข้อมูลดี ๆ ในการประกอบการเขียนบทความจากเว็บไซต์ >>ไทยโพสต์ CR : ที่มาภาพหน้าปกจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี แบบชำระเงิน>>https://www.shutterstock.com/th/