ปัจจุบัน ปัญหาขยะมูลฝอยส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและโลกเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะขยะพลาสติก ซึ่งย่อยสลายยาก ทำให้มีการจัดการขยะหลากหลายวิธี บางที่นำไปฝังกลบ ก็เกิดปัญหาขยะตกค้างล้นบ่อฝังกลบ บางที่ก็นำไปเผากำจัดโดยใช้เตาเผา แต่ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่อมลพิษหมอกควัน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็นิยมนำไปให้โรงปูนซีเมนต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ความร้อนแก่กระบวนการผลิตปูนและใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ นับได้ว่าเป็นการนำขยะไปใช้ประโยชน์ได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ก็มีบางหน่วยงานที่นำขยะพลาสติกไปผลิตเป็นน้ำมัน ซึ่งน้ำมันที่ได้ จะเรียกว่าน้ำมันไพโรไรซิส ซึ่งพลาสติก จริง ๆ ก็ผลิตมาจากน้ำมันนี่แหละครับ มาจากน้ำมันดิบ จำพวก Ethelene Propelene เป็นต้น และนำไปผลิตเป็นพลาสติกจำพวก HDPE, LLDPE, LDPE, PP, PVC, PET, PS etc.เครดิตภาพ: เจ้าของบทความ (ลงท่งลงท่า)ซึ่งขยะพลาสติกบางชนิดก็ไม่สารถนำมาทำเป็นน้ำมันได้และบางชนิดก็ไม่คุ้มที่จะเอามาทำ เช่น PET พวกขวดน้ำใสต่าง ๆ เอาไปขายโดยตรงจะราคาที่ดีกว่าการนำมาทำน้ำมัน บางชนิดก็มีโครงสร้างที่แข็งเมื่อเซตตัว หลอมยาก ต้องใช้อุณหภูมิสูง และเป็นพิษ เช่น PET, PS, PVC ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อระบบ ต้นทุนที่สูงขึ้น และเกิดมลพิษได้ ดังนั้นขยะพลาสติกที่นิยมนำมันทำน้ำมัน จะเป็นกลุ่ม PP และ PE จำพวกถุงหิ้ว ถุงแกงร้อน และพลาสติกกลุ่ม LDPE จะเป็นกลุ่มที่นำมาทำน้ำมันเยอะที่สุด เนื่องจากมีปริมาณเยอะ หลอมเหลวที่อุณหภูมิไม่สูงมาก และสามารถคัดแยกได้ง่าย ส่วนพลาสติกจำพวก HDPE [ขวดขาวขุ่น ขวดแชมพู ขวดนม] สามารถเอามาทำน้ำมันได้ แต่คัดแยกเพื่อขายเป็นขยะรีไซเคิลก็ได้ราคาที่ดีเช่นกัน อีกประเภทหนึ่ง PP [กล่องข้าวเซเว่น] ตัวนี้ก็คล้าย ๆ กับ HDPEเครดิตภาพ: เจ้าของบทความ (ลงท่งลงท่า)สำหรับกระบวนการผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก เป็นกระบวนการทางความร้อนที่ทำให้พลาสติกแตกตัวเป็นไอน้ำมัน แล้วลอยตัวขึ้นสู่หอกลั่น แล้วกลั่นแยกน้ำมันออกเป็น 2-3 ประเภท ประกอบด้วย Light oil คือน้ำมันเบาที่กลั่นได้จากปลายยอด Middle fraction oil คือ น้ำมันที่กลั่นได้ตรงกลางหอกลั่น และสุดท้ายจะเป็น Heavy oil and Ash เป็นน้ำมันหนักและเถ้า 2 สิ่งนี้จะผสมกันและออกมาในรูปของผงเถ้า ซึ่งระบบผลิตน้ำมันแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักด้วยกันดังนี้เครดิตภาพ: เจ้าของบทความ (ลงท่งลงท่า)pre-melt เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการลดความชื้นและทำให้พลาสติกอยู่ในรูปของเหลว จะใช้อุณหภูมิเตาเผาประมาณ 300-400 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในไม่เกิน 150 องศาเซลเซียส ในระบบนี้จะเกิดน้ำระเหยออกพร้อมกับแก๊สเข้าสู่ถังแยก น้ำ-แก๊ส-น้ำมัน จากนั้นจะเอาแก๊สที่ได้กลับมาเป็นเชื้อเพลิงให้แก่หัวเผาCracker เป็นส่วนถัดมาจาก pre-melter ซึ่งจะรับพลาสติกที่ผ่านการหลอมมาระดับหนึ่งแล้ว เข้าสู่ Cracker ซึ่งทำหน้าที่ทำให้พลาสติกเหลวแตกตัวเป็นไอน้ำมัน ซึ่งใช้อุณหภูมิเตาเผา 500-600 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายใน 400-420 องศาเซลเซียส จากนั้นไอน้ำมันจะลอยขึ้นสู่หอกลั่น เพื่อกลั่นน้ำมันออกมาตามระดับจุดควบแน่นและอุณหภูมิที่ต่างกันเครดิตภาพ: เจ้าของบทความ (ลงท่งลงท่า)Distallation เป็นหอกลั่นแบบลำดับส่วน ซึ่งจะกลั่นออกมา 3 ประเภท ได้แก่ Light oil คือ น้ำมันเบาที่กลั่นได้จากปลายยอด Middle fraction oil คือ น้ำมันที่กลั่นได้ตรงกลางหอกลั่น และสุดท้ายจะเป็น Heavy oil จะตกลงไปผสมกับเถ้าและถ่ายออกพร้อมกับเถ้าเครดิตภาพ: เจ้าของบทความ (ลงท่งลงท่า)ซึ่งโดยรวมขยะ 1 ตัน จะผลิตเป็นน้ำมันได้ประมาณ 40-60% โดยน้ำหนัก ที่เหลือจะเป็นเถ้าและแก๊ส ปัจจุบันราคาน้ำมันไพโรไรซิสน่าจะอยู่ที่ประมาณ 18-20 บาท/ลิตร ถือได้ว่าเป็นเชื้อเพลิงทนแทนในช่วงน้ำมันแพงได้เลยครับ แต่น้ำมันประเภทนี้ต้องผ่านกระบวนการกลั่นอีกรอบก่อน ถึงจะนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเชิงพาณิชย์ได้ สุดท้ายก็อยากขอฝากทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ หากได้มีโอกาสแยกขยะในมือของท่าน แยกเถอะนะครับ เพื่อที่จะให้คนที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อ นำไปใช้ได้ง่าย ไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดแยกหรือบำบัดขยะ จะทำให้เกิดการใช้งานขยะ ไม่มีขยะตกค้างในพื้นที่ต่าง ๆ ครับ เครดิตภาพปก: เจ้าของบทความ (ลงท่งลงท่า)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !