ระอุ! 'จีน-อินเดีย' ฮึ่มเสริมทัพบริเวณชายแดน

ระอุ! ‘จีน-อินเดีย’ ฮึ่มเสริมทัพบริเวณชายแดน

สถานการณ์ตามแนวชายแดนระหว่างจีนกับอินเดียเขม็งเกลียวขึ้นมาอีกระลอก เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน หลังต่างฝ่ายตามส่งกำลังทหารเข้าไปเสริม ชุมนุมทหารครั้งใหญ่ในจุดขัดแย้งที่เคยเกิดปะทะกันเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย

นายอนุรัก ศรีวะสัตวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินเดีย ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปเสริมบริเวณชายแดนตอนเหนือของประเทศตาม แนวควบคุมชายแดนในความเป็นจริง (แอลเอซี) บริเวณหุบเขากัลวัน ของเมืองลาดักห์ บนเทือกเขาหิมาลัยด้านตะวันตก ซึ่งเป็นจุดที่กองกำลังของทั้งสองฝ่ายเกิดปะทะกันเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุให้เกิดการสู้รบขึ้น ทำให้ทหารอินเดีย 20 นายเสียชีวิต ในขณะที่กองทัพจีนก็ประสบความสูญเสียแต่ไม่มีการรายงานจำนวนอย่างเป็นทางการ โดยทางการจีนกล่าวหาอินเดียว่า เป็นผู้เริ่มต้นเหตุดังกล่าวด้วยการโจมตีทหารจีนก่อน ทำให้ทางกระทรวงต่างประเทศจีนต้องออกมาเรียกร้องให้อินเดีย ยุติการล่วงละเมิดความตกลงและยุติพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันอีกในอนาคต

ในขณะที่นายอนุรัก กล่าวหาจีนว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นความขัดแย้งนี้มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ด้วยการส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธไปชุมนุมกันเป็นจำนวนมากตามแนวชายแดนแอลเอซี และเริ่มขัดขวางเส้นทางการลาดตระเวนพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นการละเมิดความตกลงระหว่างกันที่ทำขึ้นหลังเกิดการปะทะหนักตามแนวชายแดนอินเดีย-จีน เมื่อปี 1962 และเกิดปะทะย่อยๆ กันอีกหลายครั้งหลังจากนั้น

โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินเดียกล่าวหาจีนด้วยว่า กองกำลังจีนไปก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนของอินเดีย ซึ่งต่างจากที่เคยล่วงล้ำเข้ามาก่อนหน้านี้ เพราะไม่มีการรื้อถอนกลับออกไป เป็นการกระทำที่ไม่ใส่ใจยึดถือความตกลงและขนบธรรมเนียมที่เคยยึดถือระหว่างกันก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ย้ำว่า การเสริมกำลังทหารของอินเดียในพื้นที่ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะจีนส่งกำลังทหารเข้าไปตั้งมั่นอยู่สูงมากในบริเวณดังกล่าว จนกองทัพอินเดียตัดสินใจเสริมกำลังตามไปด้วยเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับกำลังทหารของจีน

นายอนุรักย้ำด้วยว่า สันติภาพและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ถือเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอินเดีย และเรียกร้องให้จีนดำเนินการตามคำประกาศที่ว่าต้องการลดระดับความตึงเครียดลง หากยังคงตึงเครียดต่อเนื่องต่อไปอย่างที่เป็นอยู่ก็จะกลายเป็นทำลายบรรยากาศและความสัมพันธ์ระหว่างกัน
อย่างไรก็ตามแม้ทั้งสองฝ่ายจะเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนมากขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังคงเปิดการเจรจาซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับผู้บัญชาการทหาร และในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางยุติความขัดแย้งที่ทำให้ต้องเผชิญหน้ากันอยู่ในเวลานี้