10 วิธีเลือกซื้อของที่ช่วยลดโลกร้อน และสนับสนุนธุรกิจยั่งยืน อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจจะยังมองไม่ออกว่า ตัวเองสามารถมีส่วนร่วมลดภาวะโลกร้อนได้ยังไงอีกบ้าง เพราะที่รู้มาก็จะเป็นแนวทางเดิมๆ แต่อยากรู้มากขึ้นว่า แล้วถ้าเป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราล่ะ มีอะไรที่เราสามารถทำได้อีกบ้าง ซึ่งต้องบอกว่า จริงๆ แล้วการซื้อของใช้ อาหาร เครื่องดื่มและอื่นๆ ในแต่ละวันของเรา ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้ว่า เราสามารถทำให้มีส่วนช่วยลดโลกร้อนได้ค่ะ งงไหมคะ? ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็ต้องอ่านต่อเลยค่ะ เพราะในบทความนี้ผู้เขียนจะบอกต่อว่า เราจะต้องทำยังไงบ้าง ให้การช้อปปิ้งของเราในแต่ละวัน มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ โดยหลายไอเดียเป็นแนวทางที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน และเมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านสามารถมีทางเลือกให้ตัวเองมากขึ้น ที่จะว่าเป็นทางเลือกที่ไปทำให้เรากลายเป็นคนรักษ์โลกขึ้นมาทันทีก็ได้ค่ะ และต่อไปนี้คือวิธีเลือกซื้อสินค้าให้มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนนะคะ 1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่น คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การที่เราเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น คือหนึ่งในวิธีง่ายๆ แต่ทรงพลังที่ช่วยลดโลกร้อนได้จริง! ลองนึกภาพดูว่าสินค้าชิ้นหนึ่งต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงมือเรา ต้องใช้เรือบรรทุกขนาดใหญ่ หรือเครื่องบินที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาล หรือแม้แต่รถบรรทุกที่วิ่งระยะทางไกลๆ พลังงานและเชื้อเพลิงที่ถูกใช้ไปในกระบวนการขนส่งเหล่านั้น ล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น แต่ถ้าเราหันมาซื้อข้าวของจากเกษตรกรหรือผู้ประกอบการในชุมชนใกล้บ้าน ระยะทางการขนส่งก็จะสั้นลงอย่างมาก ทำให้ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษได้โดยตรง และการสนับสนุนสินค้าท้องถิ่น ยังช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ให้เศรษฐกิจในชุมชนของเราแข็งแรงขึ้นอีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยก็ได้ค่ะ 2. มองหาฉลากรับรองความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การที่เราจะช่วยลดโลกร้อนได้ง่ายๆ อีกวิธีหนึ่ง คือ การมองหาฉลากรับรองความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนตัวผลิตภัณฑ์ค่ะ ฉลากที่ว่านี้ไม่ว่าจะเป็นฉลากเขียว การค้าที่เป็นธรรม (Fair Trade) เกษตรอินทรีย์ (Organic) หรือพันธมิตรป่าฝน (Rainforest Alliance) ซึ่งไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์สวยๆ แปะไว้เท่านั้นนะคะ แต่เป็นเหมือนตราประทับที่ยืนยันว่าสินค้าชิ้นนั้นๆ ถูกผลิตมาด้วยกระบวนการที่ใส่ใจโลกและสิ่งแวดล้อมจริงๆ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การผลิตที่ลดมลพิษ ไปจนถึงการจัดการของเสีย หรือแม้แต่การดูแลพนักงานอย่างเป็นธรรม เมื่อเราเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากเหล่านี้ ก็เท่ากับว่าเรากำลังสนับสนุนธุรกิจที่รับผิดชอบต่อโลก ที่ไม่ใช่แค่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว และเรายังมั่นใจได้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายไป กำลังมีส่วนช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นอย่างยั่งยืนค่ะ 3. ซื้อสินค้ามือสองหรือของใช้แล้วในบางอย่าง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การซื้อสินค้ามือสองหรือของใช้แล้วในบางอย่าง คือ อีกหนึ่งวิธีสุดเจ๋งที่เราจะช่วยลดโลกร้อนได้แบบง่ายๆ! ลองคิดดูสิค่ะว่ากว่าสินค้าชิ้นใหม่จะถูกผลิตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติไปเท่าไหร่ ต้องใช้พลังงานในการผลิตมากแค่ไหน แล้วยังสร้างมลพิษในกระบวนการอีกเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเลือกที่จะซื้อของมือสอง นั่นหมายความว่าเรากำลังให้ ชีวิตใหม่กับสิ่งของเหล่านั้น ช่วยยืดอายุการใช้งาน โดยไม่ต้องเสียทรัพยากรเพื่อผลิตใหม่ และที่สำคัญคือช่วยลดปริมาณขยะที่จะถูกทิ้งไปให้กองพะเนินเทินทึก ดังนั้นแค่เปลี่ยนมุมมองจากการซื้อของใหม่แกะกล่อง มามองหาสินค้ามือสองที่มีคุณภาพดี เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกได้แล้วค่ะ 4. เลือกซื้อสินค้าที่ทนทาน การเลือกซื้อสินค้าที่ทนทาน ไม่ใช่แค่การประหยัดเงินในกระเป๋านะคะ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่เราทุกคนสามารถช่วยลดโลกร้อนได้ค่ะ เพราะเมื่อเราเลือกใช้ของที่ทนทาน จึงไม่ต้องซื้อใหม่บ่อยๆ ก็เท่ากับว่าเราช่วยลดขยะที่จะไปกองพะเนินเทินทึก และที่สำคัญคือลดการผลิตสินค้าใหม่ๆ ที่มักจะใช้ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ทั้งพลังงาน น้ำและวัตถุดิบ ซึ่งกระบวนการผลิตเหล่านี้เองที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตัวการสำคัญที่ทำให้โลกเราร้อนขึ้น การเลือกซื้อของที่คิดมาแล้วว่าใช้ได้นานๆ จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของโลกใบนี้ และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนทำได้ไม่ยากเลยค่ะ 5. ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว รู้ไหมคะว่า การลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ใช่แค่กระแสเท่านั้น แต่เป็นการกระทำที่ส่งผลดีต่อโลกอย่างมหาศาลเลยค่ะ เพราะทุกครั้งที่เราปฏิเสธถุงพลาสติก แก้วพลาสติกหรือหลอดพลาสติก เท่ากับว่าเรากำลังช่วยลดขยะพลาสติกที่จะไปสะสมอยู่บนบก หรือลอยเคว้งคว้างอยู่ในทะเล ซึ่งพลาสติกเหล่านี้ใช้เวลาย่อยสลายหลายร้อยปี แถมยังแตกตัวเป็นไมโครพลาสติก ที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่อาหารของเราได้อีกด้วย ที่สำคัญคือกระบวนการผลิตพลาสติกยังต้องใช้ทรัพยากรปิโตรเลียม และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นอีกด้วย การที่เราหันมาใช้ถุงผ้า แก้วส่วนตัวหรือกล่องข้าวแทนพลาสติกใช้แล้วทิ้ง จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีของโลก และเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราทุกคนจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างยั่งยืนค่ะ 6. ใช้งานได้นาน การเลือกซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยลดโลกร้อนนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แรกเท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมไปถึงการพิจารณาถึงความทนทานและอายุการใช้งานของสินค้าเหล่านั้นด้วย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าสินค้าจะผลิตมาอย่างเป็นมิตรต่อโลกแค่ไหน แต่ถ้าใช้งานได้ไม่นานก็ต้องทิ้งและซื้อใหม่บ่อยๆ ก็เท่ากับว่าเรายังคงสร้างขยะและใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองอยู่ดี ดังนั้น การเลือกซื้อของที่ใช้งานได้นานและซ่อมแซมได้ง่าย จึงเป็นอีกหนึ่งแนวคิดสำคัญที่เราควรคำนึงถึง เพื่อให้การบริโภคของเราเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา ที่ไม่ใช่การสร้างปัญหาเพิ่มให้กับโลกใบนี้ค่ะ 7. สนับสนุนธุรกิจที่ใช้พลังงานหมุนเวียน หลายคนอาจจะยังมองภาพไม่ออกว่า การเลือกซื้อของในยุคปัจจุบันไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัว แต่ยังเป็นการแสดงจุดยืนว่าเราอยากเห็นโลกเป็นแบบไหนด้วย และการสนับสนุนธุรกิจที่หันมาใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลมในการผลิตสินค้าและบริการ ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราทุกคนทำได้เพื่อช่วยลดโลกร้อน เพราะเมื่อเราอุดหนุนธุรกิจเหล่านี้ ก็เท่ากับว่าเรากำลังส่งสัญญาณว่าเราให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และกระตุ้นให้ธุรกิจอื่นๆ หันมาใส่ใจเรื่องพลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาคือการใช้พลังงานฟอสซิลที่ลดลง และอนาคตที่ยั่งยืนกว่าเดิมสำหรับโลกของเราค่ะทุกคน 8. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้หรือทำจากวัสดุรีไซเคิล ทุกคนรู้ไหมว่า การเลือกซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยลดโลกร้อน ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ที่ฉาบฉวย แต่คือการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้หรือทำจากวัสดุรีไซเคิล นับเป็นก้าวเล็กๆ ที่สร้างผลกระทบอันยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อเราสนับสนุนสินค้าเหล่านี้ เรากำลังช่วยลดปริมาณขยะที่จะไปสู่หลุมฝังกลบ ลดความต้องการใช้วัตถุดิบใหม่ ซึ่งหมายถึงการลดการใช้พลังงานและทรัพยากรในการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ ทำให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และช่วยลดภาระให้กับโลกของเราได้อย่างเป็นรูปธรรมค่ะ 9. ซื้อเท่าที่จำเป็น ไม่ซื้อเผื่อหรือกักตุน เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า การเลือกซื้อของเพื่อช่วยลดโลกร้อน ไม่ใช่แค่การมองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมการซื้อของเราเองด้วย โดยเฉพาะการซื้อเท่าที่จำเป็น ไม่ซื้อเผื่อเพื่อกักตุน ถือเป็นหลักการสำคัญที่หลายคนมองข้าม เพราะการที่เราซื้อของมากเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของใช้ต่างๆ สุดท้ายแล้วของบางอย่างก็อาจหมดอายุหรือไม่ได้ถูกใช้ทั้งหมด ที่ก็กลายเป็นขยะที่ต้องกำจัด และยังเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต การขนส่ง และการจัดการของเสียเหล่านั้นอีกด้วย ดังนั้นการซื้อของอย่างมีสติและพอดีกับความต้องการจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เพื่อช่วยลดภาระให้กับโลกของเรา และสร้างสมดุลที่ดีขึ้นให้กับสิ่งแวดล้อมค่ะ 10. สนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การเลือกซื้อสินค้าในปัจจุบันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความพึงพอใจส่วนบุคคลอีกต่อไปแล้วค่ะ แต่ยังเป็นโอกาสที่เราจะได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นวิธีง่ายๆ แต่ทรงพลังที่เราทุกคนทำได้ เพราะเมื่อเราเลือกอุดหนุนธุรกิจเหล่านี้ เรากำลังส่งสัญญาณว่าเราให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่ไม่ทำร้ายโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดขยะ การใช้พลังงานสะอาด การลดมลพิษ หรือการดูแลพนักงานอย่างเป็นธรรม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วการเลือกของเราก็จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจอื่นๆ หันมาใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากขึ้น สร้างเป็นวงจรที่ดีที่ส่งผลบวกต่อทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวค่ะ ก็จบแล้วค่ะ และทั้งหมดนั้นล้วนเป็นวิธีที่เราสามารถมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อนได้ทั้งสิ้น โดยไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างในทันที แค่เริ่มต้นจากสิ่งที่เราทำได้สะดวกและสม่ำเสมอที่สุด การซื้อของของเราก็จะถือว่ามีส่วนช่วยลดโลกร้อนแล้ว เพราะทุกๆ การตัดสินใจเลือกซื้อที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม แม้จะเล็กน้อยเพียงใด ก็ล้วนเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกของเราได้ค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ โดยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว จากจุดที่เป็นไปได้ ตั้งแต่ซื้อผักผลไม้ตามฤดูกาลที่มีอยู่ในชุมชน การใช้ถุงผ้าสำหรับใส่ของตอนซื้อ ไม่รับถุงหากสิ่งของที่ซื้อมีเพียงไม่กี่ชิ้น และอื่นๆ อีกตามที่จะเป็นไปได้ค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบก็ได้ค่ะ เพราะจะทำให้มองเห็นภาพได้มากขึ้น เมื่อเรามองออกแล้ว ในสถานการณ์จริงก็ง่ายมากค่ะ และอย่าลืมนำแนวทางในนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันค่ะทุกคน ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดที่รูปโปรไฟล์ใต้ชื่อบทความนี้ได้เลยค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Lifeforstock จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Pvproductions จาก FREEPIK, ภาพที่ 2 โดย Rawpixel.com จาก FREEPIK และภาพที่ 3-4 โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 กรณีไหนควรมีถุงซิปล็อก สำหรับใส่อาหาร เหมาะสมกับใครบ้าง 9 ทริคเลือกฟักทองที่ผ่าแล้ว แบบไหนดี สดใหม่ มีเนื้อแน่นอร่อย 9 วิธีเลือกฟองน้ำล้างจาน ดูแบบไหนดี มีคุณภาพ น่าซื้อมาใช้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !