9 ปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ช่วงฝนตกหนัก มีอะไรบ้างควรรู้! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล รู้ไหมคะว่า ในอีกมุมหนึ่งของฤดูฝนยังแฝงไปด้วยปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วทำไมต้องรู้? นั่นเป็นเพราะว่าปัญหาสุขอนามัยที่มากับหน้าฝนนั้น มีหลากหลายและซับซ้อนกว่าที่คิด โดยหลายคนยังมองภาพไม่ออกว่ามีอะไรบ้าง ถ้าหากเราขาดความรู้ความเข้าใจในประเด็นนี้ ก็อาจทำให้เราและคนที่เรารักต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ค่าใช้จ่ายในการรักษา และความสุขโดยรวมของเราได้ค่ะ แล้วใครบ้างที่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้? คำตอบคือทุกคนค่ะ เพราะการที่คนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาอนามัยสิ่งแวดล้อมในหน้าฝน จะช่วยให้เราสามารถเตรียมตัว ป้องกัน และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะ รวมไปถึงการร่วมมือกันสร้างความตระหนักรู้และลงมือปฏิบัติจริง ที่จะเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้เราผ่านพ้นฤดูฝนไปได้อย่างปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีท่ามกลางปัญหาที่สามารถเกิดได้ในตอนนั้น และต่อไปนี้คือปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนค่ะ 1. ปัญหาน้ำดื่มน้ำใช้ไม่สะอาด ปัญหานี้สาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ไปชะล้างสิ่งสกปรก สารเคมีจากพื้นที่การเกษตร ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่สะสมอยู่บนพื้นดินไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ คลอง หนองบึง หรือแม้แต่น้ำบาดาล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่เรานำมาใช้ผลิตน้ำประปาหรือนำมาใช้โดยตรงในครัวเรือน ยิ่งไปกว่านั้นระบบบำบัดน้ำเสียที่ไม่สมบูรณ์หรือการทิ้งน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำโดยตรง ยิ่งทำให้สถานการณ์นี้เลวร้ายลงไปอีก เพราะมีผลกระทบตามมาได้ง่าย โดยมักเกิดจากการสัมผัสกับน้ำที่ไม่สะอาดอีก ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขอนามัยส่วนบุคคล แต่เป็นปัญหาสาธารณสุขและอนามัยสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนจำนวนมาก และเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรตระหนักและร่วมกันหาทางแก้ไขอย่างจริงจังค่ะ 2. ปัญหาห้องน้ำห้องส้วม ในช่วงหน้าฝนที่เรามักจะนึกถึงแค่น้ำท่วมหรือน้ำดื่มไม่สะอาด แต่อีกหนึ่งปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่มักถูกมองข้ามไปเลย คือ ปัญหาห้องน้ำห้องส้วมค่ะ ลองนึกภาพตามคะว่า เมื่อฝนตกหนักและต่อเนื่องระดับน้ำใต้ดินจะสูงขึ้น จึงส่งผลให้บ่อเกรอะบ่อซึมที่อยู่ใต้ดินหลายแห่งทำงานได้ไม่เต็มที่หรือน้ำเอ่อล้นออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากระบบระบายน้ำเสียของชุมชนไม่ดีพอ หรือบ้านเรือนบางแห่งยังไม่มีระบบส้วมที่ถูกสุขลักษณะ จากที่น้ำฝนก็จะชะล้างสิ่งปฏิกูลจากแหล่งต่างๆ ไหลไปรวมกันกับน้ำที่ท่วมขัง ทำให้เกิดการปนเปื้อนในบริเวณบ้านเรือนและพื้นที่สาธารณะได้ง่ายขึ้น โดยสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สิ่งก่อความเจ็บป่วยในคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์หรือปรสิต เพราะน้ำที่ปนเปื้อนจะพาส่งคุกคามคนเราเหล่านี้ไปกับกระแสน้ำท่วมขัง หรืออาจติดมากับสิ่งของที่สัมผัสกับน้ำเหล่านั้น ตลอดจนห้องน้ำที่สกปรกชื้นแฉะในหน้าฝน ยังเป็นแหล่งอาศัยของแมลงพาหะ เช่น ยุงและแมลงวัน ซึ่งสามารถแพร่กระจายความเจ็บป่วยไปยังคนได้อีกทอดหนึ่งด้วยค่ะ ดังนั้นปัญหาห้องน้ำห้องส้วมในช่วงหน้าฝน จึงไม่ใช่แค่เรื่องความไม่สะดวกสบายเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นเรื่องของอนามัยสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของเราได้ และเป็นประเด็นที่เราควรหันมาให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของสิ่งที่ทำให้คนเราเจ็บป่วย 3. ปัญหาในการจัดการขยะมูลฝอย สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไปแต่เป็นปัญหาใหญ่ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมไม่แพ้กันเลย คือปัญหาการจัดการขยะค่ะ เมื่อฝนตกหนักน้ำฝนจะชะล้างขยะมูลฝอยที่ถูกทิ้งไม่เป็นที่หรือไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก ขวดน้ำ กล่องโฟม หรือแม้แต่เศษอาหาร ให้ไหลไปรวมกับน้ำท่วมขังตามถนนหนทาง คูคลอง และท่อระบายน้ำ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหาน้ำท่วมให้หนักขึ้นไปอีก แต่ยังเป็นแหล่งสะสมของแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงพาหะ เช่น หนู แมลงสาบ และยุงได้อย่างดีเยี่ยม ลองนึกภาพถึงกองขยะเปียกชื้นที่เน่าเหม็นอยู่ข้างทาง หรือขยะที่ลอยปะปนอยู่ในน้ำท่วมขัง กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่โชยมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาเท่านั้นนะคะ แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือสิ่งก่อความเจ็บป่วยได้ที่ปะปนอยู่ในขยะและน้ำเสียเหล่านั้น สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายคนได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากการสัมผัสโดยตรง ดื่มน้ำที่ปนเปื้อน หรือผ่านทางสัตว์พาหะ จึงทำให้เกิดความเจ็บป่วยต่างๆ ตามมาได้ ยิ่งในพื้นที่ที่การจัดเก็บขยะทำได้ไม่ทั่วถึงหรือไม่สม่ำเสมอในหน้าฝน ปัญหาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก ดังนั้นการจัดการขยะที่ไม่ดีในช่วงหน้าฝน จึงเป็นปัญหาอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคนเรา ดังนั้นเราจึงควรหันมาใส่ใจและร่วมมือกันจัดการขยะอย่างถูกวิธี เพื่อสุขอนามัยที่ดีของชุมชนของเราค่ะ 4. ปัญหาเชื้อราและสิ่งปนเปื้อน หน้าฝนเป็นช่วงเวลาที่หลายคนชื่นชอบเพราะช่วยคลายความร้อน แต่รู้หรือไม่ว่าช่วงนี้เองที่เชื้อราและสิ่งปนเปื้อน กลายเป็นปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะเมื่อฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ความชื้นในอากาศจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงทำให้เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกซอกมุมของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผนัง เพดาน เสื้อผ้า หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้น้ำท่วมขังยังเป็นแหล่งสะสมของสิ่งก่อความเจ็บป่วยได้หลากหลายชนิด ซึ่งสามารถปนเปื้อนเข้าสู่แหล่งน้ำดื่ม อาหาร หรือแม้แต่สัมผัสกับร่างกายโดยตรง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของเรา การตระหนักรู้และป้องกันจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราทุกคนควรให้ความใส่ใจเพื่อสุขอนามัยที่ดีในฤดูฝนนี้ค่ะ 5. ปัญหาสัตว์และแมลงพาหะนำความเจ็บป่วย สิ่งที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ปัญหาสัตว์และแมลงพาหะนำความเจ็บป่วยค่ะ ซึ่งถือเป็นปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่สำคัญมากในช่วงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้? ก็เพราะว่าช่วงหน้าฝนเป็นเวลาที่น้ำขังและมีความชื้นสูงนะคะ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการแพร่พันธุ์ของสัตว์และแมลงพาหะหลายชนิด เช่น ยุงที่วางไข่ในน้ำนิ่ง หนูที่มักจะหาที่หลบภัยจากฝนเข้ามาในบ้าน หรือแม้แต่แมลงสาบที่ออกหากินได้ดีในที่ชื้นแฉะ โดยสัตว์และแมลงเหล่านี้ล้วนเป็นพาหะนำความเจ็บไข้ได้ป่วยมาสู่คนได้ ซึ่งการที่เราปล่อยปละละเลยไม่ดูแลสุขอนามัยในบ้านและบริเวณรอบๆ จึงเป็นการเปิดช่องให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้ามาแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการป้องกันและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนควรใส่ใจ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและห่างไกลการเจ็บออดๆ แอดๆ ที่มากับหน้าฝนค่ะ 6. ปัญหาเกี่ยวกับความเจ็บป่วยจากน้ำและอาหารปนเปื้อน คุณผู้อ่านรู็ไหมคะว่า น้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องมักจะพัดพาสิ่งสกปรก จุลินทรีย์ และสารเคมีต่างๆ จากพื้นดินลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ คลอง หรือแม้แต่น้ำบาดาล ซึ่งอาจปนเปื้อนระบบน้ำประปาบางส่วน หรือถูกนำไปใช้ในการเกษตรโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้น้ำท่วมขังยังทำให้การจัดเก็บขยะและสุขาภิบาลเป็นไปได้ยากขึ้น ส่งผลให้สิ่งปนเปื้อนแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และปนเปื้อนเข้าสู่อาหารที่เราบริโภคได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดที่ไม่ได้ล้างให้สะอาด อาหารที่ปรุงไม่สุก หรืออาหารที่ถูกทิ้งไว้นอกตู้เย็นนานเกินไป การบริโภคน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเหล่านี้ มักจะนำไปสู่อาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ง่าย ดังนั้นการระมัดระวังและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยของน้ำและอาหาร จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน เพื่อป้องกันความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ 7. ปัญหาด้านสุขภาพจิต เมื่อพูดถึงหน้าฝนหลายคนอาจนึกถึงเพียงความเปียกชื้น น้ำท่วม หรือโรคภัยไข้เจ็บทางกาย แต่จริงๆ แล้ว ปัญหาด้านสุขภาพจิตก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ที่มักจะถูกมองข้ามไปในช่วงเวลานี้ค่ะ และเหตุผลที่ปัญหานี้เกิดขึ้นได้ ก็เพราะว่าในช่วงหน้าฝนท้องฟ้ามักจะมืดครึ้ม แสงแดดน้อยลง และหลายคนต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านมากขึ้น กิจกรรมกลางแจ้งลดลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจของเราได้ จึงทำให้บางคนรู้สึกหงุดหงิด ซึมเศร้า หรือมีภาวะอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วม การเดินทางที่ลำบาก หรือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่มาพร้อมฝน ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดและความกดดันทางจิตใจ การตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจิตในช่วงหน้าฝน และการหาวิธีรับมืออย่างเหมาะสม เช่น การหาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ การพูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนควรให้ความใส่ใจเพื่อกายและใจที่ดีในช่วงฤดูฝนนี้นะคะ 8. ปัญหาจากสัตว์มีพิษและสัตว์เลื้อยคลาน อีกหนึ่งปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เราต้องพึงระวังเป็นพิเศษนั่นคือ ปัญหาจากสัตว์มีพิษและสัตว์เลื้อยคลานค่ะ เนื่องจากในช่วงหน้าฝน พื้นที่ต่างๆ มักจะเปียกชื้น มีน้ำท่วมขัง และพืชพรรณเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับสัตว์มีพิษ ไม่ว่าจะเป็นงู ตะขาบ แมงป่อง หรือแม้แต่สัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่นๆ เพราะสัตว์เหล่านี้มักจะหนีน้ำหรือหาที่หลบภัยที่แห้งและอบอุ่นกว่า ซึ่งนั่นหมายถึงบ้านเรือนของเรานั่นเองนะคะ การที่สัตว์กลุ่มนี้เข้ามาหลบซ่อนตามมุมอับ ซอกหลืบ หรือแม้แต่ในรองเท้า ทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะถูกกัด ต่อย หรือได้รับอันตรายจากพิษได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นบางชนิดอาจเป็นพาหะนำความเจ็บป่วยมาสู่คนได้อีกด้วย ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านเรือนให้เป็นระเบียบ ตัดหญ้าบริเวณรอบบ้านให้สั้น และการระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องเข้าใกล้พื้นที่รกร้าง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อป้องกันตัวเองและคนที่เรารักให้ปลอดภัยจากภัยร้ายที่มองไม่เห็นเหล่านี้ค่ะ 9. ปัญหาการปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ สิ่งที่น่ากังวลและมักถูกมองข้ามไปอีกหนึ่งอย่าง คือ ปัญหาการปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติค่ะ ซึ่งเป็นปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลังมา ลองนึกภาพว่าเมื่อฝนตกหนัก น้ำฝนจะชะล้างสิ่งสกปรกทุกชนิดบนพื้นดิน ไม่ว่าจะเป็นขยะมูลฝอย สารเคมีจากภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม สิ่งปฏิกูลจากบ้านเรือน หรือแม้แต่สิ่งปนเปื้อนต่างๆ ในสิ่งแวดล้อมให้ไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำธรรมชาติอื่นๆ อย่างรวดเร็วและปริมาณมหาศาล จึงทำให้แหล่งน้ำเหล่านี้มีคุณภาพแย่ลงอย่างมาก ที่ในบางครั้งถึงขั้นไม่สามารถนำไปใช้บริโภคหรืออุปโภคได้เลย อีกทั้งสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของคน ที่ต้องพึ่งพาน้ำจากแหล่งเหล่านี้ ทั้งการบริโภคน้ำที่ปนเปื้อน หรือการสัมผัสกับน้ำที่ไม่สะอาด ซึ่งอาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยต่างๆ ได้ ดังนั้นการตระหนักถึงปัญหานี้และร่วมมือกันดูแลรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เรามีน้ำที่สะอาดปลอดภัยใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ค่ะ ที่โดยสรุปแล้วในช่วงหน้าฝนไม่ได้มีแค่ความชุ่มฉ่ำและคลายร้อนเท่านั้นค่ะ แต่ยังนำมาซึ่งปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในหลากหลายรูปแบบอีกด้วย ที่เราทุกคนควรตระหนักและให้ความสำคัญ ซึ่งการรู้และเข้าใจถึงปัญหาเหล่านี้จึงเป็นเหมือนการเปิดไฟให้เห็นถึงภัยเงียบที่เราต้องเผชิญในฤดูฝนค่ะ และการที่เราทราบว่าปัญหาเหล่านี้คืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องสุขอนามัยของเราและคนรอบข้าง เพราะเมื่อเราตระหนักถึงความเสี่ยง เราก็จะสามารถประยุกต์ใช้ความรู้นี้ในชีวิตประจำวันได้ทันที เช่น การหมั่นทำความสะอาดบ้านเรือนให้แห้งและไม่อับชื้น เพื่อลดการสะสมของเชื้อรา การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและหนูรอบบ้าน การเลือกดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด และเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตใจด้วยการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย หรือหากิจกรรมทำร่วมกับครอบครัวในวันที่ฝนตก การรู้เท่าทันและเตรียมรับมือกับปัญหาอนามัยสิ่งแวดล้อมในช่วงหน้าฝน จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและห่างไกลจากความไข้เจ็บได้ค่ะ สำหรับผู้เขียนนั้นโดยส่วนตัวก็นำปัญหาต่างๆ มาเป็นแนวทางให้ตัวเองว่าต้องทำอะไรบ้างค่ะ ซึ่งสิ่งพยายามทำทุกวันเลย คือ การจัดขยะ น้ำเสีย การทำความสะอาดรอบบ้าน กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ของแมลงและสัตว์พาหนะชนิดต่างๆ และถ้าพูดถึงการกิจกรรมในช่วงหน้าฝน ผู้เขียนได้เปลี่ยนแปลงนิดหน่อยค่ะ เช่น ออกกำลังที่บ้านด้วยอุปกรณ์ที่มี แทนที่จะหงุดหงิดจากที่ออกไปข้างนอกไม่ได้นะคะ อีกทั้งยังใช้ช่วงหน้าฝนนี้มาปลูกผักทำสวน เพื่อคลายเครียดและเป็นงานอดิเรกด้วย ในเรื่องของห้องน้ำห้องส้วมช่วงน้ำใต้ดินเยอะนั้น เป็นสิ่งที่ผู้เขียนคอยสอดส่องตลอดค่ะ โดยตอนนี้ยังไม่พบปัญหาอะไร ยังไงนั้นก็ลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบก่อนก็ได้ค่ะ และอย่าลืมนำข้อมูลในนี้ไปเป็นแนวทางในการจัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เพื่อลดความรุนแรงของปัญหาข้างต้นกันนะคะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #ปัญหาสุขาภิบาล #อนามัยสิ่งแวดล้อม #สิ่งแวดล้อมน่ารู้ #EnvironmentalHealth เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Todd Diemer จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1,3 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 2 โดย Syed Ali จาก Unsplash และภาพที่ 4 โดย Nik Shuliahin จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 12 แนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ช่วงหน้าฝน ต้องทำอะไรบ้าง 8 วิธีแก้ปัญหายุงเยอะและมากัด ในห้องนอนที่บ้าน แบบธรรมชาติ 10 แนวทางดูแลห้องส้วมในบ้าน ช่วงมีฝนตกหนัก ระดับน้ำท่วมสูง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !