รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
27 กันยายน 2567 ( 09:49 )
29

#ภาวะหุ้น #ทันหุ้น บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,450-1,470 จุด ชะลอความร้อนแรงสลับการแกว่งขึ้น หลังจากตอบรับเชิงบวกต่อทั้งการลดดอกเบี้ยของ FED รวมไม่ต่ำกว่า 100 bps ปีนี้ รวมถึงจีนที่เดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย Upside ระยะสั้นยังดูจำกัดจากสัญญาณ Overbought ทางเทคนิคที่ค้างอยู่ราว 3 สัปดาห์ ทำให้มีโอกาสพักฐานระยะสั้น นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อประเมินว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะรุนแรงเพียงใด รวมถึงเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวเร่งขึ้นได้จากมาตรการกระตุ้นหรือไม่ 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายเศรษฐกิจจากรัฐบาลทั้งระยะสั้นและระยะยาว เริ่มจากนโยบายแจกเงินหมื่นที่เริ่มต้นแล้วเฟสแรก 1.45 แสนลบ. หนุน GDP 4Q24 เร่งตัวและชดเชยผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วม คาดยังหนุนหุ้นในกลุ่ม Consumption Play ตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ส.ค. และ Comment ของประธาน FED ส่วน Highlight อยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน ก.ย. ปลายสัปดาห์หน้า ด้าน Downside ของดัชนีคาดไม่ลึกโดยมีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1 เข้ามาช่วยหนุนในเดือน ต.ค. เป็นต้นไป 

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.:  BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio :  AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

 

หุ้นเด่นวันนี้ : BJC

• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA consensus 26.59 บาท

• โมเมนตัมกำไร 3Q24 คาดชะลอ q-q จาก Low Season ของธุรกิจ แต่คาดเติบโตได้ y-y โดยล่าสุด SSSG ของ BigC เดือน ส.ค. เริ่มพลิกมาเป็นบวกได้ราว 2% ขณะที่ Margin คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าไฟที่ลง รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน

• Consensus คาดกำไรสุทธิปี 2024-25 ที่ 4.3 พันลบ. -10% y-y และ 5.2 พันลบ. +20% y-y โดยระยะสั้นคาด BJC เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ประโยชน์จากการแจกเงินหมื่น ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2025PER ต่ำที่สุดในกลุ่ม Consumer Staple ที่ราว 18 เท่า และยังต่ำกว่า Book Value ที่ราว 30 บาท และให้ Dividend Yield ราว 3-3.5% ต่อปี

• แนวรับ 24.30//24 บาท แนวต้าน 25//26 บาท

 

**บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ ผันผวนทิ้งทวนก่อนปิดไตรมาส ขณะที่ “Powell” ไม่พูดมาก แต่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี ตลาดเข้าสู่การปรับฐาน ทั้งรอคอย 3 ตัวแปร (วายุภักษ์ + ค่าเงินบาท +การลดดอกเบี้ย) และเข้าสู่ช่วงของการปิดงบ และวันนี้มีปิด Series “U” ของ TFEX ซึ่งจะทำให้ตลาดผันผวน คาดตลาดหุ้นไทย จะกลับมานิ่งขึ้นสัปดาห์หน้า แต่ยังคงต้องดูผลงานรัฐบาล และการเข้าซื้อหุ้นของวายุภักษ์ ว่าจะมีเม็ดเงินเข้าตลาดมากขนาดไหน

 

ประธาน Fed และ กรรมการ Fed ท่านอื่นๆ ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินหรือส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ตัวเลข GDP 2q(t) ที่ออกมา 3.0% (q1=1.4%) รวมถึงตัวเลขเคลมการว่างงานที่ลดลง 4,000 ตำแหน่ง เป็นข่าวดีหนุนหุ้น Tech ของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น..........  ดีต่อหุ้น DELTA ของไทยด้วย

 

นักลงทุน จะรอดู PCE  คืนวันนี้(27) จากเดือนก่อนหน้า 2.6%  คาดว่าจะขยับเป็น 2.7% ในการรายงานครั้งนี้ ..... ตัวเลข PCE ที่สูงขึ้นจากเดือนก่อน  น่าจะดีกับตลาดหุ้นสหรัฐฯมากกว่า (เพราะความกังวลเศรษฐกิจจะลดลง)

 

จีน ยังเป็นตัวแปรที่สำคัญของตลาดเอเซียในช่วง 1 -3 วันนี้ หลังเข็นมาตรการชุดใหญ่มาตลอด 4 วันที่ผ่านมา โดยวานนี้ มีการเตรียมการเพิ่มเงินทุนเข้าไปที่ธนาคารของรัฐ ราว 1 ล้านล้านหยวน เราคาดว่า น่าจะเตรียมเพื่อช่วยภาคอสังหาฯ และเพื่อปล่อยกู้ใหม่ๆ .....  เวลานี้ การขึ้นหรือลงของตลาดหุ้นไทย จะไม่ค่อยอิงกับตลาดหุ้นจีนแล้ว

 

จับตาวันศุกร์นี้ จะมีการปิดสัญญา TFEX S50U24 ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในสัญญา TFEX คงค้าง(ไทย+ต่างชาติ)ประมาณ 3.9 แสนสัญญา ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 850 - 860 จุด ……มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการผันผวนของหุ้นใน SET 50 ในช่วงท้ายตลาด ช่วง 16.00-16.30 น. เพื่อทำการปิด Position ของ TFEX โดยอาจจะเห็นแรงไล่ซื้อหุ้นเข้ามา เพื่อทำกำไร TFEX

 

ธปท. เผยพร้อมเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท หากผันผวนปิดปกติ ......  ดัชนีค่าเงินบาท(NEER) ไม่ได้บ่งชี้ภาวะการเก็งกำไรค่าเงินจนต้องกังวลมาก แต่หาก ธปท.เข้าแทรกแซงค่าเงินจริง และทำให้เงินบาทอ่อนค่า  เราทำข้อมูลตั้งแต่ ปี 2018 ในจังหวะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง(จากที่แข็งมาก) 5 ครั้ง ดัชนีฯ จะปรับตัวลดลง 4 ใน 5 ครั้ง (จริงๆ แล้ว ตัวแปรที่มีผลต่อตลาด มีมากกว่าค่าเงินบาท)

 

Event สำคัญวันนี้ : ตัวเลขดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภค(PCE) ของสหรัฐฯ

 

Strategy

•  ตลาด เข้าสู่การปรับฐาน (ไม่ผ่าน 1470 จุด) และยังต้องรอ 3 ตัวแปรสำคัญ (วายุภักษ์ + ค่าเงินบาท +การลดดอกเบี้ย) .......  กลยุทธ์ลงทุน ปรับเป็นเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นขายทำกำไร

• List หุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศ ลดเหลือ 2 ตัว คือ BH, BDMS ….. ขณะที่หุ้นธนาคาร แม้จะมีโอกาสลดดอกเบี้ย แต่ด้วยกำไรที่ดี และจ่ายเงินปันผลมากขึ้น เราปรับเหลือ KTB และ TTB 

• เราประเมินว่า นักลงทุนจะกลับมาเก็งล่วงหน้า ว่า รมว.คลัง และ ผู้ว่า ธปท. หารือกัน น่าจะมีการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย หุ้นที่อิงกับการลดดอกเบี้ย เราขอเลือกมาแนะนำเพียง 2 ตัว คือ SPALI, BGRIM

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ นำ IVL, AAV, CENTEL, CPALL, SCB ออก หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย HTECH*(10%), TTB(10%)

 

Technical :  CK, PIN

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,445 - 1,450 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,460 – 1,465 ประเมินดัชนีทรงตัวรอเม็ดเงินลงทุนรอบใหม่จากกองทุนวายุภักษที่จะเข้าลงทุนใน ต.ค. แนะนำเข้าทยอยซื้อเมือดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,BJC,HMPRO,DOHOME,GLOBAL ได้ประโยชน์จาก ม.แจกเงิน/ ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,MINT,ERW รับช่วงวันหยุด Golden Week ของจีน / โรงไฟฟ้า GULF,GUNKUL,BGRIM รับโอกาสชนะประมูลโครงการพลังงานทดแทนเฟส 2 / เก็งกำไร TIPH, TQM มีสัญญาณบวกทางเทคนิค   

 

SISB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.25 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดี QoQ, YoY จากรายได้ที่เติบโตตามจำนวนนักเรียนใหม่ (เปิดเทอม 1 ปีการศึกษา 2024/2025 กลางเดือน ส.ค.) และผลของการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาบางส่วน ทั้งนี้ปี 67 บริษัทคาดจะมีจำนวนนักเรียนถึงเป้าหมายที่ 4,600 คน จากปัจจุบันที่ 4,570 คน โดยมี capacity รองรับรวม 7,305 คน จากการเปิดดำเนินการสาชาธนบุรีเฟส 3.1 ได้ตามกำหนดในเดือน ส.ค. ขณะที่สาขานนทบุรีและสาขาระยองที่เพิ่งเปิดปีก่อน ผลการดำเนินงานทยอยดีขึ้นตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น โดยสาขานนทบุรีมีกำไรแล้ว ส่วนสาขาระยะยองพลิกเป็นกำไรในปีหน้า ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 892 ล้านบาท (+36%YoY) และ 1,126 ล้านบาท (+26%YoY) ตามลำดับ

 

TOA* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 25.20 บาท) กำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 1,281 ลบ. -6.72%YoY จากค่าใช้จ่ายพนง., การตลาด, และโฆษณาที่สูงขึ้น รวมถึง การตัดจำหน่ายสินทรัพย์จากการย้ายโรงงานในมาเลเซีย ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป แม้ 3Q67 มีโอกาสอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวดีใน 4Q67 หนุนด้วยฤดูกาล และการซ่อมแซมหลังน่ำท่วม นอกจากนี้ TOA* ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นหุ้นใน SET100, SETESG และได้ SET ESG Ratings ระดับ A ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ TOA* ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 2,496 ลบ.(-5.34%YoY) และ 2,673 ลบ.(+7.09%YoY)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง