สทนช. คาดฝนเพิ่มทั่วไทย 13 - 15 ต.ค นายกฯ สั่งปรับแผนระบายน้ำเขื่อนหลัก

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 13 - 15 ตุลาคม 2568 ประเทศไทยตอนบนจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนตอนล่างและทะเลจีนใต้แผ่เข้าปกคลุม ขณะเดียวกัน ร่องมรสุม จะพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน โดยมี ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมพื้นที่ ทำให้เกิดสภาพอากาศชุ่มชื้นและมีฝนตกเพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่งผลให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่
สำหรับ สภาพอากาศวันที่ 11 ตุลาคม 2568 สทนช. ระบุว่า ร่องมรสุมได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีปริมาณฝนลดลงชั่วคราว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ จังหวัดพิจิตร และ เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานทำงานอย่างเป็นระบบและบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้เดินหน้า “แผนหลัก 9 แผนบริหารจัดการน้ำ” เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้งในระยะยาว รวมถึงช่วยลดภาระงบประมาณด้านการเยียวยาความเสียหายในอนาคต พร้อมสั่งการให้จังหวัดที่ประสบภัยเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการจ่ายค่าชดเชยเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด
ในระยะสั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ กรมชลประทาน ปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนตกและความต้องการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในลุ่มน้ำสำคัญไม่ให้เกิดภาวะล้นตลิ่งหรือส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ
รายงานสถานการณ์น้ำล่าสุดพบว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศรวมอยู่ที่ ร้อยละ 85 ของความจุเก็บกัก หรือประมาณ 68,580 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเป็นน้ำใช้การได้ ร้อยละ 76 หรือราว 44,458 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงและต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ สทนช. เร่งรัดกระบวนการจัดทำและดำเนินโครงการวางแผนการระบายน้ำ รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
