สวัสดีค่ะ ทุกคนกลับมาพบกับบทความของ Diary Therapy กันอีครั้งนะคะ หลังจากที่มองหาวิธีที่จะช่วยสร้างแนวคิด หรือแรงบันดาลใจให้กับตัวเองโดยการหาหนังสือมาอ่านและได้เล่าเกี่ยวกับเล่มแรกไปแล้ว วันนี้จะมาเล่าเล่มที่สองของหนังสือชุดนี้ค่ะ ชื่อเรื่อง “คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น” เขียนโดย “ฮอนดะ เคน” จากสำนักพิมพ์ “วีเลิร์น (WeLean)” ค่ะ ราคาเล่มละ 230 บาท ตอนแรกคิดว่าเล่มนี้ดูจากชื่อเรื่องแล้วเนื้อหาคงไม่ตรงกับชีวิตความเป็นอยู่ของเรา แต่ก็ขอลองอ่านดูก่อนค่ะ เผื่อมีอะไรที่พอจะปรับใช้ได้บ้างเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นภาคต่อจากเล่มแรก จากการถ่ายทอดความรู้ของ “ฮอนดะ เคน” ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ที่เกิดจากการที่เขาได้รับแนวคิดมาจากเศรษฐี ชาวยิว และได้นำมาปรับใช้ที่ญี่ปุ่นจนกลายเป็นเจ้าของธุระกิจที่ร่ำรวย ไม่แค่รวยเท่านั้นนะคะ “ฮอนดะ เคน” ยังบอกอีกว่าทั้งรสยและมีความสุขเลยค่ะ ถือว่าเป็นหนังสือขายดีมากในญี่ปุ่นและไทยค่ะเรื่องราวของหนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องของ นักศึกษาญี่ปุ่นกับนายธนาคารชาวยิวที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่จะมากระตุ้นความคิด ด้วยเนื้อหาที่สอดแทรกบทเรียนที่จะเปลี่ยนแนวคิดของเราค่ะ ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่สนใจในเรื่องของการออมเงินในรูปแบบต่าง ๆ แต่ไม่มีความรู้ความเข้าใจมากพอค่ะมาดูค่ะว่า Diary Therapy ได้อะไรจากเล่มนี้บ้าง เริ่มตั้งแต่บทนำ เป็นการทำความรู้จักกับอาจารย์คนใหม่ จากเล่มที่แล้วเราเรียนรู้แนวคิดในรูปแบบนักธุรกิจแต่เล่มนี้จะเรียนรู้แนวคิดในรูปแบบ นายธนาคาร ฉะนั้นเราได้แนวคิดใหม่ จากอาจารย์คนใหม่แน่นอนค่ะ การเรียนรู้เรื่องเงินเราต้องมองให้ออกว่าความสัมพันธ์เกี่ยวกับเงินนั้นสัมพันธ์กันอย่างไร เราอาจเคยมองเงินในมุมเราค่ะแต่แล้วเราจะมองเงินในมุมที่เปลี่ยนไปด้วยความที่หนังสือมาในรูปแบบถ่ายทอดจากประสบการณ์ จึงทำให้เนื้อหาอ่านง่าย หากจะถามว่าเหมาะกับคนที่ต้องการลงทุน หรือบอกแนวการลงทุนหรือเปล่าหนังสือไม่ได้เล่าในรูปแบบนั้นค่ะ หนังสือจะเน้นวิธีคิด ทัศนคติที่ดีในด้านการเงินมากกว่าและค่อนข้างให้พลัง ให้เราย้อนถามตัวเองว่าเราเองมีทัศนคติต่อเรื่องเงินอย่างไร เราจะบริหารเงินของเราอย่างไรอย่างเรื่องเกี่ยวกับเงินที่ว่าเงินมีลักษณะเฉพาะตัวของเงินเอง ได้แก่ เก็บรักษาได้ แลกเปลี่ยนได้ และเพิ่มจำนวนได้ ในใจแอบเพิ่มให้อีกข้อคือลดจำนวนได้แต่การลดจำนวนแสดงว่าเรานั้นไม่รู้จักเงินดีพอค่ะ อ่านแล้วเราจะเข้าใจเงินมากขึ้น จำนวนเงินจะมากขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับเรา และมุมมองของเราค่ะ ลองหามาอ่านกันดูนะคะแล้วนำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับชีวิตของเราค่ะอ่านจบแล้ว ไม่ได้เก่งหรือรวยขึ้นในทันทีแต่เราจะมีมุมมองและทัศนคติที่ดีขึ้น สิ่งสำคัญต้องลงมือทำแล้วผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตัวบ่งบอกเราค่ะว่าเราทำได้แค่ไหน ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะถูกใจทุกคน และหวังว่าจะพอเป็นแนวทางให้หลาย ๆ คนที่กำลังมองหาหนังสือน่าอ่านสักเล่มติดบ้านไว้อ่านค่ะ ไว้พบกันคราวหน้าจะเป็นเรื่อเกี่ยวกับอะไรนั้น ขอฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีค่ะDiary Therapyเครดิตรูปภาพรูปภาพหน้าปก , รูปภาพที่ 1 , รูปภาพที่ 3 โดย : ผู้เขียนรูปภาพที่ 2 ขอบคุณรูปภาพจาก : Pixabay