สำหรับผู้อ่านที่มักอ่านบทความ หนังสือ หรือข้อมูลต่างๆ ในเชิงประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าจะหนีคำว่า “ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ” ไม่พ้น เพราะการระบุปีส่วนใหญ่ในข้อมูลก็อาจไม่ชัดเจน ไม่ทราบว่าถูกจารึกหรือบันทึกไว้ในปี ค.ศ.เท่าไร แต่ที่สามารถเดาได้คือจากทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ นี่แหละ แล้วว่าแต่ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ คืออะไรกันล่ะทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ คืออะไร เชื่อว่าก็น่าจะมีหลายๆ คนรพอรู้บ้างว่าทศวรรษ คือ 10 ปี, ศตวรรษ คือ 100 ปี และสหัสวรรษ คือ 1,000 ปี แต่ว่าปีนี้อยู่ในช่วงทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษที่เท่าไรกัน มาเริ่มต้นกันที่1.ทศวรรษ ทศวรรษ มาจากคำว่า ทศ (ทด-สะ) แปลว่า 10 ส่วนวรรษ แปลว่า ปี ซึ่งมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต ภาษาอังกฤษจะเรียกว่า decade มาจาก deca (เด-คา) ที่แปลว่า 10 ดังนั้นทศวรรษหรือ decade หมายถึงช่วงเวลา 10 ปี ซึ่งทศวรรษสามารถนับได้ 2 รูปแบบ คือทศวรรษที่...ในศตวรรษที่... ทศวรรษที่… ในรูปแบบแรกจะนับตั้งแต่ปีที่ลงท้ายด้วย 0 จนถึงปีที่ลงท้ายด้วย 9 เช่น ค.ศ.1986 คือ ทศวรรษ 9 ในศตวรรษที่ 20 เป็นต้น ส่วนในรูปแบบที่ 2 จะนับโดยไม่อิงถึงศตวรรษ เช่น ปี 1986 คือ ทศวรรษที่ 1980 หรือภาษาอังกฤษจะเป็น 1980s (ใช้ s ตามหลังเพื่อสื่อถึงศตวรรษ) สำหรับวิธีการดูก็คือ ค.ศ.1986 อยู่ระหว่าง 1980 ถึง 1989 (เลขลงท้ายด้วย 0 ถึง 9) จึงนับว่าอยุ่ในทศวรรษที่ 1980 หรืออีกวิธีหนึ่งง่ายก็คือ ตัดเลขหลักสุดท้ายทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็น 0 เช่น 1986 ตัด 6 เปลี่ยน 0 กลายเป็น 1980s เป็นต้น (สำหรับทศวรรษที่ 1 คือปีที่ 1 ถึง 9 เพราะไม่มีปีที่ลงท้ายด้วย 0 อยู่ก่อนหน้าปีที่ 1)2.ศตวรรษ ศตวรรษ มาจากคำว่า ศต (สัด-ตะ) แปลว่า 100 ส่วนวรรษก็แปลว่า ปี ตามหลักภาษาบาลี-สันสกฤต ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า century มาจากคำว่า centum ที่แปลว่า 100 ศตวรรษหรือ century จึงหมายถึงช่วงเวลา 100 ปี โดยวิธีการนับมีเพียงรูปแบบเดียว คือเริ่มจากปีที่ลงท้ายด้วย 01 จนถึง 00 เช่น 1801 ถึง 1900 เป็นต้น เช่น ปี 1986 อยู่ในช่วง 1901 ถึง 2000 เป็นต้น วิธีดูก็คือถ้าหากว่าเลข 2 ตัวท้ายเป็น 00 เลขที่ศตวรรษจะเป็นเลข 2 ตัวหน้า แต่ถ้าเลข 2 ตัวท้ายไม่ใช่ 00 เลขที่ศตวรรษจะเป็นเลข 2 ตัวหน้าบวกด้วย 1 เช่น ปี 1800 อยู่ในศตวรรษที่ 18 และปี 1986 อยู่ในศตวรรษที่ 20 เป็นต้น3.สหัสวรรษ สหัสวรรษ มาจากคำว่า สหัส (สะ-หัด-สะ) แปลว่า 1,000 ส่วนวรรษแปลว่า ปี ในภาษาบาลี-สันสกฤต ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า millennium มาจาก mille แปลว่า 1,000 ดังนั้นสหัสวรรษหรือ millennium คือช่วงเวลา 1,000 ปี วิธีการนับมีรูปแบบเดียว ซึ่งเอาจริงๆ แทบจะไม่ต้องมีวิธีดูเลยด้วยซ้ำ เพราะจนถึงปัจจุบัน ปี 2021 นี้ก็มีเพียง 3 สหัสวรรษ ซึ่งสหัสวรรษจะเริ่มจากปีที่มีเลขลงท้ายเป็น 001 ถึง 000 ซึ่งเช่น 1001 ถึง 2000 เป็นต้น วิธีดูถ้าให้นับตามหลักก็จะคล้ายกับศตวรรษ คือ ถ้าหากว่าเลข 3 ตัวท้ายเป็น 000 เลขที่ศตวรรษจะเป็นเลขตัวหน้าสุด แต่ถ้าเลข 2 ตัวท้ายไม่ใช่ 00 เลขที่ศตวรรษจะเป็นเลขตัวหน้าสุดบวกด้วย 1 เช่น ปี 1000 อยู่ในสหัสวรรษที่ 1 และปี 1986 อยู่ในสหัสวรรษที่ 2 เป็นต้น แต่มีอีกหนึ่งวิธีก็คือจำ โดยสหัสวรรษที่ 1 คือปีที่ 1-1000สหัสวรรษที่ 2 คือปีที่ 1001-2000สหัสวรรษที่ 3 คือปีที่ 2001-3000ซึ่งก็เป็นวิธีการจำโดยง่ายโดยไม่ต้องเข้าสูตรใดๆ เลย ทีนี้เราลองมายกตัวอย่างเหตุการณืที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ว่าแต่ละเหตุการณ์อยู่ในช่วงทศวรรษ ศตวรรษ สหัสวรรษ ที่เท่าไร โดยวันนี้เราได้ยกตัวอย่างมา 3 เหตุการณ์ด้วยกันพระเยซูสิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ.30ทศวรรษที่ 30 (30s)ศตวรรษที่ 1สหัสวรรษที่ 1สถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อปี ค.ศ.1350ทศวรรษที่ 1350 (1350s)ศตวรรษที่ 14สหัสวรรษที่ 2การก่อตั้ง Facebook เมื่อปี ค.ศ.2004ทศวรรษที่ 2000 (2000s)ศตวรรษที่ 21สหัสวรรษที่ 3 การทราบว่าทศวรรษ ศตวรรษ สหัสวรรษ ดังกล่างอยุ่ในช่วงปีเท่าไรถึงเท่าไร มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ถ้าหากคลาดเคลื่อนอาจจะมีความเข้าใจที่ผิดพลาดในทางประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ภาพประกอบทั้งหมดโดยนักเขียนติดตามบทความต่าง ๆ ของเราได้ ที่นี่รีวิวเกม Pokemon Unite เกมโปเกมอนแนว MOBA ที่มีสไตล์แปลกแหวกแนว5 ประเภทของไฟไหม้ | รู้ไว้ใช้ได้ EP.7How To อัปเดต Windows 10 เป็น 11 - เก็บทุกรายละเอียด !!!รวมเว็บไซต์เตรียมสอบ IELTS ฟรี ไปตำกันได้เลยสอนใช้ Google Form โปรแกรมแบบทดสอบออนไลน์ อย่างละเอียดสุดๆ!!!และอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ NoLedgenessเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !