โควิด-19 : สื่อสารชัดเจน เข้าอกเข้าใจ เชื่อมั่นวิทยาศาสตร์ หลักปราบโรคระบาดของผู้นำนิวซีแลนด์

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ บอกว่าประเทศของเธอ "ทำในสิ่งที่ไม่กี่ประเทศจะทำได้" คือ ควบคุมการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ได้เห็นผล และจะเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์เร็ว ๆ นี้
ย้อนไปเมื่อ 13 มี.ค. นางอาร์เดิร์น ตั้งใจจะจัดพิธีรำลึกครบรอบหนึ่งปีเหตุกราดยิงที่เมืองไครสต์เชิร์ชแม้ว่าองค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ เธอบอกตอนนั้นว่าไม่กังวลเพราะยึดเอาคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนท่าทีในชั่วข้ามคืน นอกจากยกเลิกพิธีแล้ว นิวซีแลนด์ยังสั่งให้เกือบทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัว 14 วัน นับว่าเป็นประเทศที่ประกาศใช้มาตรการอย่างเข้มงวดและรวดเร็วที่สุดประเทศหนึ่ง
สองสัปดาห์หลังจากนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อในนิวซีแลนด์ก็ลดลงเรื่อย ๆ โดยถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตรวม12 รายจากประชากรราว 5 ล้านคน
นิวซีแลนด์จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์วันที่ 28 เม.ย. นี้
แม้ว่าบางฝ่ายจะเห็นว่ารัฐบาลเข้มงวดเกินไป แต่หลายคนเห็นนิวซีแลนด์เป็นตัวอย่างของการรับมือกับสถานการณ์ด้วยความเห็นอกเห็นใจ การให้ข้อมูลที่ชัดเจน แล้วก็การเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์
- โควิด-19 : ผู้นำประเทศหญิงจัดการกับการระบาดไวรัสโคโรนาได้ดีกว่าผู้นำชายจริงหรือ
- จาซินดา อาร์เดิร์น: ผู้นำหญิงจากนิวซีแลนด์ที่อายุน้อยที่สุดบนเวทีเอเปค
- นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ ได้รับเสียงชื่นชมไปทั่วโลกจากการรับมือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
สุขภาพมาก่อนเศรษฐกิจ
จริงอยู่ที่ด้วยความที่เป็นประเทศขนาดเล็ก การปิดพรมแดนก็ง่ายไปด้วย แต่การสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจนเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จในครั้งนี้โดยนิวซีแลนด์มีอัตราผู้ติดเชื้อต่อประชากรต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง
ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ใช้คำว่า "สงครามกับโควิด-19" รัฐบาลนิวซีแลนด์เรียกร้องให้คน "รวมตัวเพื่อสู้กับโควิด-19" นางอาร์เดิร์นพูดบ่อยครั้งว่าประเทศเป็น "ทีม" ที่มีสมาชิก 5 ล้านคน
"จาร์ซินดาเป็นนักสื่อสารที่ดีเยี่ยมและก็เป็นผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจคน" ศ.ไมเคิล เบเกอร์ จากคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยโอทาโก ซึ่งมีส่วนช่วยแนะนำรัฐบาลในวิธีรับมือกับการระบาด
"นอกจากนี้ สิ่งที่เธอพูดยังฟังสมเหตุสมผลอีกด้วย ผมคิดว่าคนเชื่อมั่นในคำพูดเธอจริง ๆ และคนจำนวนมากก็ยอมทำตาม"
นอกจากนี้ ศ.เบเกอร์ บอกอีกว่า ในการรับมือกับการระบาดใหญ่ วิทยาศาสตร์และการเป็นผู้นำที่ดีต้องไปด้วยกัน ซึ่งในกรณีของนิวซีแลนด์เป็นนายแอชลีย์ บลูมฟีลด์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสาธารณสุข ซึ่งยืนเคียงข้างนางอาร์เดิร์นในการแถลงประจำวัน
"ตั้งแต่เริ่มต้น เขาสื่อสารอย่างระมัดระวังด้วยท่วงท่านิ่ง ๆ ในเรื่องราวซับซ้อนเกี่ยวกับโควิด-19 ปูทางให้รัฐบาลนำไปใช้ในการตัดสินใจ" ซาราห์ ร็อบสัน นักข่าวอาวุโสที่สถานีวิทยุเรดิโอนิวซีแลนด์ กล่าว
"ด้วยความที่เขาสื่อสารอย่างชัดเจนเรื่องแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อในนิวซีแลนด์ เมื่อจาร์ซินดา บอกว่าเราต้องล็อกดาวน์ คนก็เลยเข้าใจว่าทำไมต้องทำ"
- ทรัมป์ถูกนานาชาติวิจารณ์ หลังประกาศงดให้เงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก
- ไวรัสโคโรนา : ประเทศยากจนจะเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้เท่าประเทศร่ำรวยหรือไม่
- ค่ายผู้ลี้ภัยจะรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไร
- 'เราไม่ทิ้งกัน' อาจยังไม่เป็นจริง เมื่ออาชีพหลักคนตาบอดกระทบหนัก
เข้มแข็งและก็มีน้ำใจ
https://twitter.com/faiza_n_ali/status/1107285715950411777
คล้ายกับท่าทีเมื่อตอนเกิดเหตุกราดยิงที่เมืองไครสต์เชิร์ชปีที่แล้ว นางอาร์เดิร์นก็เน้นเรื่องการมีน้ำจิตน้ำใจต่อกันและกันตอนบอกประชาชนเรื่องกฎเกณฑ์ในการล็อกดาวน์
พอประกาศให้ประชาชนกักตัว เธอก็เฟซบุ๊กไลฟ์โดยบอกว่าอยาก "มาดูว่าทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้าง" เธอสื่อสารกับประชาชนผ่านเฟซบุ๊กบ่อยครั้ง แต่งตัวสบาย ๆ ยิ้มแย้ม บอกเล่าว่ามีเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันอะไรที่ทำให้เธอมีความหวังบ้าง แต่ขณะเดียวกันก็เน้นว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องร้ายแรงแค่ไหนเวลาตอบคำถามประชาชน
โธมัส เวสตัน ซึ่งอาศัยอยู่ในนครโอ๊คแลนด์ บอกว่าทุก ๆ การตัดสินใจจะมาพร้อมกับการบอกว่าเธอเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ยากลำบากแค่ไหน
"เธอพูดด้วยความเอื้ออารีแต่ขณะเดียวกันก็หนักแน่น ชัดเจนมากว่าเราทำอะไรได้ และทำอะไรไม่ได้"
นอกจากนี้ นางอาร์เดิร์นได้ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ตัวเธอ คณะรัฐมนตรี และผู้อำนวยการบริหารหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ จะลดเงินเดือนตัวเอง 20% เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ไม่โปร่งใส ?
ซูซี ไวลส์ จากมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ซึ่งอยู่ในทีมให้คำแนะนำรัฐบาล บอกว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นิวซีแลนด์รับมือโควิด-19 ได้อย่างประสบความสำเร็จมาจากการที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของสุขภาพคนก่อนอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากประเทศอื่นที่ชะลอมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปเพราะกลัวเศรษฐกิจจะเสียหาย และท้ายที่สุดก็ต้องมาลำบากตอนพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมากกว่า
อย่างไรก็ดี นักข่าวบางคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าการแถลงรายวันของรัฐบาลสั้นเกินไป และก็ให้เวลานักข่าวถามคำถามไม่เพียงพอ ไมเคิล มอร์ราห์ นักข่าวสืบสวนจากช่องนิวส์ฮับ (Newshub) บอกว่า บางคำถามที่อีเมลไปถามกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่มีใครตอบ หรือบางทีก็หลายวันกว่าจะตอบ
นอกจากนี้ ในขณะที่รัฐบาลบอกว่ามีอุปกรณ์ป้องกันเพียงพอสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ สิ่งที่เขาได้ยินมาจากคนทำงานจริง ๆ กลับตรงกันข้าม
นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ด้วยว่าไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดเจนถึงแหล่งแพร่กระจายเชื้อในนิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์มองว่า แหล่งแพร่กระจายเชื้อเหล่านี้ ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 230 ราย แสดงให้เห็นถึงระบบการติดตามผู้ติดเชื้อของนิวซีแลนด์ที่ยังไม่เข้มแข็ง ซึ่งหลายคนมองว่ามีความสำคัญในการหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อ
แต่ศาสตราจารย์ชอน เฮนดี จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ มองว่า ที่ดูเหมือนไม่โปร่งใส อาจเป็นความไม่พร้อมรับมือกับข้อมูลในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติมากกว่า
ขณะที่นิวซีแลนด์เตรียมผ่อนมาตรการล็อกดาวน์ ให้โรงเรียนและร้านค้าบางส่วนกลับมาเปิดอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์บอกว่า ไม่ควรให้การเสียสละที่ผ่านมาสูญค่าไปด้วยการกลับไปฟื้นฟูเศรษฐกิจเร็วไป
ศ.เบเกอร์บอกว่า เป้าหมายสูงสุดคือการกำจัดโควิด-19 ไม่ใช่แค่ควบคุม ซึ่งตรงกับนโยบายของจีน
นางอาร์เดินบอกว่า เธอได้คุยเรื่องการเสียชีวิตของชาวนิวซีแลนด์ทั้ง 12 คน ทางโทรศัพท์ด้วยตัวเอง และบอกว่า "เราอาจเป็นประเทศแค่ไม่กี่ประเทศที่สามารถทำอย่างนั้นได้อยู่"
เธอยกความดีความชอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ โดยบอกพวกเขาว่า "ชาวนิวซีแลนด์ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว พวกคุณทำเช่นนั้นด้วยวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุด"
ยอดนิยมในตอนนี้
