นาร์ซาเผย! ผลทางวิทยาศาสตร์ชุดแรกหลังส่ง Parker Solar Probe สำรวจดวงอาทิตย์ สำหรับยานอวกาศ Parker Solar Probe ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2561 ปลายปีก่อนหน้าที่แล้ว ซึ่งถือเป็นยานอวกาศที่มีภารกิจในการบินไปสำรวจดวงอาทิตย์ เพื่อศึกษาผลกระทบของระบบ Sun-Earth ที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต โดยภารกิจนี้เกิดจากการคาดการณ์ของ ดร.ยูจีน ปาร์กเกอร์ นักฟิสิกส์แสงที่มีชื่อเสียง ว่าถึงการมีอยู่ของลมสุริยะ กระแสของอนุภาคที่ประจุและกระแสของแม่เหล็กที่ไหลอย่างต่อเนื่อง ผ่านโลกโดยอาบทั่วพื้นผิว เสมือนถูกแช่ในอ่าง ‘แม้ว่าดวงอาทิตย์จะดูสงบเมื่อมองจากโลก แต่ที่จริงแล้วกลับมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตลอดเวลา’ รูปภาพจาก : Pexels ด้วยอุปกรณ์ในการสำรวจทั้ง 4 ของเจ้ายาน Parker Solar Probe นี้ อันได้แก่ FIELDs , WISPR , SWEAP และ IOSIS ซึ่งต่างมีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ของดวงอาทิตย์เพื่อใช้ในการศึกษาครั้งนี้อีกด้วย แล้วถ้าถามว่าทำไมเราถึงต้องสำรวจดวงอาทิตย์ด้วยล่ะ นั่นก็เพื่อหาคำตอบที่มาและทิศทางการไหลของลมสุริยะ เพราะสิ่งนี้มีผลกระทบต่อโลกของเราเป็นอย่างมากทั้งสภาวะอากาศ หรือแม้กระทั่งปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ นั่นเอง รูปภาพจาก : Pexels การเคลื่อนที่ของลมสุริยะ เครื่องมือ FIELDs ของยานสามารถเก็บข้อมูลของเจ้าลมสุริยะนี้ได้เป็นครั้งแรก และพบว่าลมสุริยะนั้นมีการไหลที่ไม่สม่ำเสมอผิดจากตอนที่เราสังเกตได้บนโลก โดยวิเคราะห์จากสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กรอบๆ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในขณะที่ SWEAP สามารถวัดขนาดและการเคลื่อนที่ของกลุ่มสนามเหล่านี้ได้ และพบว่าคลื่นเหล่านี้มีการรวมตัวกันในบางครั้ง รูปภาพจาก : Pexels การหมุนที่รุนแรงยิ่งกว่าม้าหมุน สิ่งที่ค้นพบได้อีกอย่างนั่นก็คือความเร็วและอุณหภูมิแปรผันกัน เพราะเมื่อยานอวกาศเข้าใกล้จุดที่มีความร้อนสูงขึ้นกลับพบว่าความเร็วลมสุริยะนั้นก็เพิ่มเร็วขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีความเร็วที่สูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 10 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่ใครคิด รูปภาพจาก : Pexels แม้ว่าจะยังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง แต่จากผลที่ได้สามารถทำให้เราจำกัดความและเข้าสู่เป้าหมายของการหาคำตอบได้ใกล้มากยิ่งขึ้น โดยการเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ครั้งต่อไปของภารกิจในวันที่ 29 มกราคม 2020 จะส่งยานอวกาศใกล้กับดวงอาทิตย์มากขึ้นกว่าเดิมและอาจทำให้ข้อมูลที่จะช่วยเปลี่ยนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสาเหตุของลมสุริยะและสภาพอากาศรอบตัวเรา อีกทั้งยังช่วยให้เราเข้าใจกระบวนการพื้นฐานว่าดาวฤกษ์ทำงานอย่างไรและปล่อยพลังงานออกสู่สิ่งแวดล้อมอย่างไรอีกด้วย