จับตาไวรัส "ฝีดาษลิง" กลายพันธุ์ อาจทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายและรุนแรงมากขึ้น
วันนี้ (24 พ.ค.65) องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า โรคฝีดาษลิง สามารถควบคุมได้ในหลายประเทศนอกแอฟริกา ซึ่งไม่เคยตรวจพบการระบาดมาก่อน โดยขณะนี้ มีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงแล้วมากกว่า 100 คน ซึ่งทำให้เกิดผื่นคันและเป็นไข้ ในยุโรป, อเมริกาและออสเตรเลีย
คาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ความเสี่ยงที่จะระบาดในวงกว้างนั้น อยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งปกติแล้ว ไวรัสฝีดาษลิงระบาดอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของแอฟริกากลางและตะวันตก ไม่ค่อยพบนอกภูมิภาค
มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ ผู้อำนวยการโรคอุบัติใหม่ของ WHO กล่าวต่อที่แถลงข่าวในวันจันทร์ว่า นี้เป็นสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ เราต้องหยุดการแพร่เชื้อระหว่างคนกับคน เราสามารถทำสิ่งนี้ในหลายประเทศที่ไม่มีการระบาดใหญ่ได้ ซึ่งเธออ้างถึงกรณีที่เกิดในยุโรปและอเมริกาเหนือ
ขณะนี้ ไวรัสฝีดาษลิง ถูกตรวจพบใน 16 ประเทศนอกแอฟริกา แม้ว่าจะเป็นการระบาดใหญ่ที่สุดนอกแอฟริกาในรอบ 50 ปี แต่โรคฝีดาษลิงก็ไม่ได้ระบาดได้ง่ายระหว่างคนกับคน และผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ภัยคุกคามดังกล่าวเปรียบเทียบกับการระบาดของโคโรนาไวรัสไม่ได้ เนื่องจากการติดเชื้อจริง ๆ แล้วเกิดขึ้นจากการสัมผัสผิวหนังกับผิวหนัง ส่วนใหญ่ของคนที่ป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ก็แสดงอาการไม่รุนแรง
ด้านโรซามุนด์ ลูอิส หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการไข้ทรพิษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฉุกเฉินของ WHO กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่มีหลักฐานว่า ไวรัสฝีดาษลิงกลายพันธุ์ หลังมีการสันนิษฐานกันก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสาเหตุของการระบาดในปัจจุบัน โดยลูอิสกล่าวว่า ไวรัสในกลุ่มนี้ “ไม่มีแนวโน้มกลายพันธุ์ และเป็นไวรัสที่มีแนวโน้มค่อนข้างเสถียร ไม่เปลี่ยนแปลง”
ลูอิส บอกด้วยว่า ในทางตรงกันข้าม การกลายพันธุ์มักจะลดลงด้วยในไวรัสชนิดนี้ แม้ว่าการจัดลำดับจีโนมของผู้ป่วยจะช่วยให้เข้าใจถึงการระบาดในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ก็กำลังเฝ้าระวังด้วยความกังวลถึงการกลายพันธุ์ของไวรัสฝีดาษลิง ซึ่งอาจทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น หรือรุนแรงมากขึ้น
ภาพจาก รอยเตอร์