NER ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เช็กเลย! ช่วงไหนกำไรพีคสุดปีนี้?

บล.หยวนต้า ส่องหุ้น NER ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดกำไร Q2/66 ไม่หดตัว YoY แรงอย่างที่กังวล โดยราคายางแท่งตลาดกลาง กทม. รายงานโดย กยท. ใน Q2TD สิ้นสุดเดือน พ.ค. เฉลี่ยอยู่ที่ 49.88 บาท/กก. (-10.3% QoQ, -5.0% YoY) ฝ่ายวิจัยคาดราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของ NER ที่ 50.5 บาท/กก. ฟื้นตัว 3% QoQ ตามการฟื้นตัวของราคายางในช่วง Q1/66 (ส่งมอบ Q2/66) แต่ลดลง 15.3% YoY
ขณะที่ปริมาณขายคาดที่ 1.27 แสนตัน ทรงตัว QoQ แต่เติบโตถึง 43.7% YoY ซึ่งหากคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยใกล้เคียง ปริมาณส่งมอบจริงจะทำให้ปริมาณขาย 1H66 เป็นสัดส่วน 52% ของประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ 4.9 แสนตัน และ 51% ของเป้าหมายของบริษัทที่ 5.0 แสนตัน คาด GPM ที่ 11.0% จาก 9.7% ใน Q1/66 จากการที่มีการเร่งขายของผู้ประกอบการยางแท่งในประเทศทำให้กดดันราคาในตลาด และราคาเข้าสู่ภาวะปกติใน Q2/66 แต่ยังต่ำกว่า 11.7% ใน Q2/65 ตามทิศทางราคาขายที่ลดลง คาดกำไรปกติที่ 390 ลบ. (+28.6%QoQ, -12.4% YoY)
ราคายางปัจจุบันเป็นจุดต่ำสุดของปี ... ราคาฟื้นครึ่งปีหลัง
สำหรับราคายาง SICOM TSR 20 Spot ปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 130 – 135 Cent/กก. ลดลงจาก Q1/66 ประมาณ 4 – 7% QoQ บริษัทมองว่าทิศทางราคาที่เกิดขึ้นใน Q2/66 น่าจะเป็นช่วงที่ต่ำที่สุดของปี 2566-2567 แล้ว เนื่องจากปริมาณความต้องการยังสูงโดยเฉพาะการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ปริมาณน้ำฝนที่น้อยกว่าปกติอาจทำให้เกิดภัยแล้ง ทำให้ลูกค้าเริ่มกังวลว่าจะไม่มีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิตในช่วงที่เหลือของปี และปี 2567 ความต้องการเริ่มกลับมาสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคายางแท่งกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วง 2H66
อย่างไรก็ตามราคาที่ลดลงใน Q2/66 อาจกระทบราคาขายที่ส่งมอบใน Q3/66 ลดลง QoQ ได้แต่ด้วยปริมาณขายคาดว่าจะเร่งตัวขึ้น คาดว่ากำไรปกติจะยังทรงตัวที่ระดับ 400 ลบ.+/- ได้ และคาด Q4/66 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีจาก ASP ที่คาดว่าจะสูงที่สุดของปีเช่นกัน
สำหรับภัยแล้งที่เป็นความเสี่ยงในการขาดแคลนยางถ้วยซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางแท่งของ NER นั้นผู้บริหารมองว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างสำหรับปี 2567 แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระดับควบคุมได้แต่ต้องติดตามใกล้ชิด ส่วนปี 2566 มีวัตถุดิบสำหรับเตรียมการผลิตไว้แล้วจึงไม่มีความเสี่ยง
คงคำแนะนำ ซื้อ หากประมาณการกำไรปกติ Q2/66 ใกล้เคียงคาด จะคิดเป็นสัดส่วน 43% ของประมาณการกำไรทั้งปีของฝ่ายวิจัย จึงยังคงประมาณการไว้ที่ 1,611 ลบ. (-12.7% YoY) ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER66 ต่ำเพียง 5.5 เท่า สะท้อนปัจจัยลบด้านราคาขายและ GPM ที่ลดลงเป็นผลให้กำไรหดตัวในปี 2566 ไปแล้ว ขณะที่คาดเงินปันผลงวด 1H66 คาดที่ 0.06 บาท และ 2H66 คาดอีก 0.29 บาท ให้เผลตอบแทน 1.3% และ 6.1% ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 7.10 บาท