One Night Miracle คงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ไม่เคยใช้กันมาก่อน เพราะเทคนิคนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในด้านของการเรียนและการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรามาพูดในมุมของเด็กมหาวิทยาลัย เด็กมัธยมศึกษาตอนต้นและปลาย หรืออาจจะรวมถึงเด็กประถมศึกษาก็คงต้องเคยอ่านหนังสือแบบ One Night Miracle กันบ้างแล้ว เพราะหลายคนที่ทำวิธีนี้คาดหวังว่าจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์เพียงชั่วข้ามคืนได้จากการจำเนื้อหาที่อ่านไปทั้งหมด และนำไปสอบในวันถัดไป จนบางคนอาจจะจำเป็นต้องอดหลับอดนอนหรือบางคนอาจจะต้องนอนดึกดื่นเพื่อให้สามารถอ่านหนังสือให้ได้เยอะที่สุด ซึ่งการทำวิธีนี้ก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายและสมองเป็นอย่างมาก และในท้ายที่สุดเมื่อถึงเวลาสอบจริงหลายคนก็อาจจะไม่ได้คะแนนตามที่ต้องการหรืออาจจะสอบตกวิชานั้นไปเลยก็เป็นได้ เนื่องจากสมองเกิดความเหนื่อยล้า ซึ่งส่งผลให้ลืมสิ่งที่ได้อ่านไปในตอนกลางคืน ดังนั้นจึงจะมาแชร์เทคนิคเกี่ยวกับวิธีการอ่านหนังสือแบบ One Night Miracle อย่างไรให้เราสามารถจำเนื้อหาได้อย่างแม่นยำและได้ผลดีที่สุด (ไม่แนะนำให้ทำเป็นประจำนะ)อย่างแรกเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า One Night Miracle คืออะไร One Night Miracle เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วย ปาฏิหาริย์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากเพียงคืนเดียวหรือการทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จในคืนเดียว ซึ่งทฤษฎีนี้ไม่ได้ใช้ในทางการเรียนเพียงเท่านั้น ยังมีใช้ในการทำงานอีกด้วย ซึ่งการทำวิธีนี้บางคนอาจจะต้องนอนดึกดื่น นอนไม่เพียงพอ แล้วไปทำงานหรือไปสอบเลยโดยที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายและสมองได้ จึงขอแนะนำว่า ไม่ควรทำวิธีนี้กันบ่อยนะครับ เทคนิคการอ่านหนังสือแบบ One Night Miracle1.เตรียมร่างกายและสถานที่อ่านหนังสือให้พร้อม การเตรียมร่างกายให้พร้อมและการจัดสถานที่อ่านหนังสือให้เรียบร้อย มีส่วนสำคัญอย่างมากในการอ่านหนังสือแบบ One Night Miracle เพราะการอ่านหนังสือนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก การจัดสถานที่ให้เรียบร้อยจึงมีส่วนช่วยในการลดสิ่งรบกวนที่อาจจะเกิดขึ้นขณะอ่านหนังสือได้ เช่น ตัวผมเองจะเริ่มจากการจัดโต๊ะอ่านหนังสือให้โล่ง โดยให้บนโต๊ะมีเฉพาะหนังสือที่ใช้อ่านสอบ หรืออาจจะเป็น Ipad หรือเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ในการอ่านสอบเท่านั้น และสิ่งสำคัญคือในขณะอ่านหนังสือผมจะปิดเครื่องมือสื่อสารที่ไม่ได้ใช้ในการอ่านสอบ เช่น โทรศัพท์ มือถือ หรือหากใช้อ่านสอบก็จะมีการปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือปิดการแจ้งเตือน เพื่อให้มีสมาธิมากทีสุดและมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุดขณะอ่านหนังสือ นอกจากการจัดสถานที่ให้เรียบร้อยแล้ว การเตรียมร่างกายให้พร้อม ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมีส่วนช่วยให้สมองของเพื่อนๆปลอดโปร่ง รวมถึงยังช่วยให้สมองสามารถจดจำได้ดีขึ้น เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนั่งสมาธิก่อนอ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งผมขอบอกเลยว่าการนั่งสมาธิก่อนอ่านหนังสือคือการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุด รองลงมาจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียง เพราะการนั่งสมาธิจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น และช่วยให้มีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นและทำให้การอ่านหนังสือราบรื่นอีกด้วย 2.เรียงลำดับความสำคัญของวิชาหรือเนื้อหาที่อ่าน การเรียงลำดับความสำคัญของแต่ละวิชานั้นมีความสำคัญเหมือนข้ออื่นที่ได้กล่าวไป เพราะเป็นการจัดระเบียบสมองอีกแบบหนึ่งที่ช่วยให้สมองเราสามารถทำงานได้เป็นระบบมากขึ้น โดยการจัดเรียงการอ่านหนังสือแบบ One Night Miracle นั้น เราควรเริ่มอ่านในส่วนที่เรารู้สึกว่าถนัด เข้าใจง่ายหรือเรื่องที่อ่านไม่ยากจนเกินไป เพราะจะทำให้เราอ่านหนังสือได้ไวขึ้นและจดจำได้เร็วขึ้น เนื่องจากเรื่องที่อ่านไม่ยากจนเกินไปและเข้าใจง่ายซึ่งเราจะรู้ได้อย่างไรว่าวิชาไหนหรือบทไหนที่ง่ายที่สุดหรือเข้าใจง่ายที่สุด คำตอบคือเราสามารถรู้ได้จากการลองให้คะแนน 1-5 โดยง่ายที่สุด คือ 1 และยากที่สุดคือ 5 แล้วลองให้คะแนนแต่ละบทดูโดยอาจจะใช้การ Overview หรือมองผ่านๆตา เป็นตัวช่วยในการให้คะแนนก็ได้ เช่น สมมติว่าตัวผมจะมีสอบวิชาสรีรวิทยา โดยเรื่องที่ออกสอบมี ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ ผมจะเริ่มจากการดูว่าผมถนัดในเรื่องใดมากที่สุด หากตัวผมถนัดระบบสืบพันธุ์มากที่สุด ผมก็จะมาดูว่าเราถนัดมากน้อยแค่นั้น สมมติว่าผมถนัดปานกลางและดูเนื้อหาคร่าวๆแล้วไม่ยากจนเกินไป ก็อาจจะให้คะแนน 2 หรือ 3 คะแนน แล้วไปดูเรื่องอื่นต่อ เมื่อให้คะแนนทุกวิชาครบหมดแล้ว สมมติว่าตัวผมให้คะแนนเรื่องระบบสืบพันธุ์ว่าได้คะแนนน้อยสุด ก็คือง่ายที่สุดและถนัดสุด ต่อมาก็เป็นระบบต่อมไร้ท่อ ระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่ายที่ยากที่สุด ผมก็จะรู้แล้วครับว่าควรเริ่มอ่านระบบสืบพันธุ์ก่อนเลย และควรเน้นบทนี้เพราะเราถนัดที่สุดจะเสียคะแนนฟรีๆ ไม่ได้ แล้วค่อยอ่านบทต่อไปตามลำดับที่ตั้งไว้ครับ 3.จัดเวลาพักผ่อนให้เป็น เวลาพักผ่อนถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสมองของเราหากมีการใช้งานเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้สมองเกิดความเหนื่อยล้า ซึ่งทำให้ไม่สามารถจดจำเนื้อหาที่อ่านไปได้ดีเท่าที่ควร โดยการจัดเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุดที่ผมแนะนำเลย คือการอ่าน 20 นาที และพัก 5-10 นาที แล้วค่อยอ่านต่อครับ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นช่วยให้สมองไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไปและไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป เช่น ผมอ่านเรื่องระบบสืบพันธุ์ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ผมจะอ่านประมาณ 20-30 แล้วก็พัก 5-10 นาที และทำแบบนี้ไปเรื่อย เพื่อไม่ให้สมองเกิดความเหนื่อยล้าจนเกินไป และช่วยให้เราสามารถอ่านหนังสือได้นานขึ้นอีกด้วยครับ 4.รู้จักการใช้ไฮไลท์และรู้จักการใช้เทคนิควงกลมแดง ข้อนี้ถือว่าสำคัญเช่นกัน เนื่องจากเมื่อเราเริ่มอ่านหนังสือ การทำไฮไลท์หรือวงแดงจะเป็นการช่วยบอกว่าบริเวณที่เราไฮไลท์คือสิ่งที่ควรจดจำและเป็นการบอกสมองให้จดจำส่วนนั้นเป็นพิเศษ นอกจากนี้การทำไฮไลท์หรือวงแดงนั้นจะทำให้เรารู้ว่าเนื้อหาตรงไหนคือเนื้อหาที่สำคัญและเมื่อมาอ่านทวนซ้ำก็ให้อ่านเฉพาะส่วนที่ไฮไลท์หรือวงแดงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปอ่านส่วนอื่น ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการอ่านหนังสือลง นอกจากนี้ยังช่วยให้จดจำเนื้อหาส่วนที่ไฮไลท์ได้แม่นยำขึ้นอีกด้วย โดยตัวผมจะชอบการอ่านแบบไฮไลท์ส่วนที่คิดว่าสำคัญไว้ก่อนในการอ่านหนังสือในรอบแรก เพื่อเป็นการเน้นว่าบริเวณที่ไฮไลท์ไปนั้นมีความสำคัญควรจำ แล้วเมื่อผมอ่านจบแล้ว ก็จะกลับมาอ่านทวนอีกรอบโดยรอบที่สองจะไม่ไฮไลท์แต่จะเป็นการวงกลมด้วยปากกาสีแดงทับไปที่บริเวณที่ผมไฮไลท์ไว้ ซึ่งการวงกลมแดงจะช่วยเน้นย่ำว่าเรื่องนี้สำคัญมาก สมองของผมก็จะรู้แล้วว่าต้องจำบริเวณที่ทำการวงกลมแดงทันที ซึ่งจะช่วยให้ผมสามารถจำเนื้อหาที่อ่านได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น และเมื่อผมมาทวนซ้ำรอบที่สามและอ่านเฉพาะจุดที่ทำการไฮไล์และวงกลมแดงไว้ก็จะทำให้จำได้ง่ายขึ้นและอ่านเร็วขึ้นอีกด้วย โดยหากสงสัยว่าทำไมถึงต้องสีแดงสามารถวงกลมด้วยสีอื่นได้ไหม คำตอบคือ สามารถวงกลมด้วยสีอื่นได้ แต่เหตุที่แนะนำสีแดงเนื่องจากสีแดงเป็นสีที่ช่วยดึงดูดได้ดีกว่าสีอื่น แล้วหากไม่วงกลมแล้วใช้รูปเรขาคณิตแบบอื่นได้ไหม คำตอบก็คือได้เช่นกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าแบบใดทำแล้วสามารถช่วยในการจำได้ดีที่สุด 5.อ่านทวนแบบผ่านตา ข้อนี้คือสิ่งที่ควรทำหลังจากอ่านหนังสือทุกบทที่จะสอบจบแล้วหรืออ่านบทใดบทหนึ่งจบแล้วก็ได้ เนื่องจากการอ่านทวนแบบผ่านตา จะเป็นการช่วยบอกว่าเราสามารถจำสิ่งทีได้อ่านไปได้มากหรือน้อยแค่ไหน ถ้าหากจำได้มากก็ถือว่าดี แต่ถ้าหากจำได้น้อย ก็ไม่ต้องกังวลไป ก็ให้เราอ่านทวนซ้ำในบทนั้นอีกครั้งแต่ให้อ่านเฉพาะส่วนที่ไฮไลท์เท่านั้น ตามที่ได้กล่าวไปในข้อ 4 และเมื่ออ่านซ้ำแล้วรู้สึกว่าอยากจะจดจำส่วนอื่นเพิ่มก็สามารถไฮไลท์เพิ่มเข้าไปได้เช่นกัน แล้วทำการอ่านทวนซ้ำเฉพาะส่วนที่ได้ทำไฮไลท์ เช่น เมื่อผมอ่านบทใดบทหนึ่งจบแล้ว และได้ทำการไฮไลท์และวงกลมแดงไว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการเริ่มทวนแบบผ่านๆตา เพื่อตรวจสอบว่าเราจะได้มากน้อยแค่ไหน 6.จดสรุปเฉพาะสิ่งที่จำไม่ได้ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แนะนำว่าต้องทำเลย เนื่องจากการเขียนเป็นสิ่งที่ช่วยในการจดจำได้ดีเช่นกัน แต่เหตุที่ให้จดสรุปเฉพาะสิ่งที่จำไม่ได้เนื่องจากการอ่านหนังสือแบบ One Night Miracle เป็นการอ่านหนังสือที่มีเวลาจำกัด ดังนั้นการที่เราจะอ่านหนังสือจนจบทุกบทแล้วสรุปทุกบทที่อ่าน เป็นสิ่งที่เสียเวลาเป็นอย่างมากและลดแรงกระตุ้นในการอ่านหนังสือด้วยเช่นกัน การจดสรุปเฉพาะส่วนที่จำไม่ได้จึงดีกว่า เพราะช่วยให้เราสามารถจดจำส่วนที่จำไม่ได้ได้มากขึ้นผ่านการเขียนและการอ่าน และทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาจดสรุปมากจนเกินไปและเอาเวลาที่เหลือไปทบทวนสิ่งที่เราจำได้หรือไปอ่านทบทวนส่วนที่ยังจำไม่ได้ เช่น สมมติว่าผมอ่านเรื่องระบบขับถ่ายจบแล้วแต่ยังไม่สามารถจำอาการที่เกิดขึ้นหรือชื่ออาการ หรือชื่อโครงสร้างที่สำคัญในระบบขับถ่ายได้ ก็จะจดคำศัพท์ที่จำไม่ได้ออกมา แล้วทำนำมาท่องหรือทบทวนซ้ำโดยจะเน้นคำศัพท์หรือสิ่งที่จำไม่ได้มากเป็นพิเศษ จากเทคนิคทั้ง 6 ข้อที่ได้กล่าวมา เพื่อใช้ในการอ่าหนังสือแบบ One Night Miracle เป็นสิ่งที่ไม่แนะนำให้นำไปใช้เป็นประจำ เนื่องจากอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้อ่านได้ ดังนั้นจึงควรมีการอ่านหนังสือทบทวนเป็นประจำ เพื่อให้เราสามารถจดจำเนื้อหาที่ได้เรียนมาได้อย่างแม่นยำและไม่ต้องอ่านหนังสือข้ามคืนจนส่งผลเสียต่อสุขภาพอีก หลังจากนี้ทางผู้เขียนมีความคาดหวังว่าข้อมูลที่ได้เขียนลงไปจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยและคาดหวังว่าเทคนิคที่ได้แนะนำไปจะช่วยให้ผู้อ่านหลายคนที่ได้นำไปลองปฏิบัติหรือนำไปปรับใช้จะสามารถได้คะแนนตามที่หวังไว้นะครับ ภาพทั้งหมดออกแบบ โดย Cuteling45 อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !