การทำบุญ เป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิตของตัวเราเองทั้งในแง่ของความเชื่อที่จะส่งผลดีกับชีวิตในอนาคตและเป็นกุศโลบายที่บอกว่าช่วยตัดความตระหนี่ได้ หากเป็นการทำบุญด้วยใจจริง นายแพทย์อรรคเดช นนทะโชติ ได้พบเจอเรื่องเหล่านี้จากประสบการณ์ตรง จึงอยากนำมาถ่ายทอดในแบบ How to สไตล์ธรรมะให้ผู้อ่านได้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับบุญ ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.จากประสบการณ์ชีวิตจริงของหลายๆ คนและผู้เขียนเองด้วยพบว่า ระยะเวลาที่บุญจะส่งผลไม่ใช่เป็นวัน เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน แต่ใช้เวลาประมาณ 4-10 ปีในกรณีที่ทำบุญอย่างต่อเนื่อง อย่างตั้งใจจริงจัง ต่อเนื้อนาบุญคือพระรัตนตรัยหรือบิดามารดา 2.คำว่า “บุญ” มีมาแต่ครั้งพุทธกาล ดังคำสอนของพระบรมศาสดาเรื่องบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ที่ว่า บุญจะเกิดขึ้นได้ด้วย 10 วิธี คือ 1.ทำทาน (ทานมัย) 2. รักษาศีล (สีลมัย) 3. บำเพ็ญภาวนา (ภาวนามัย) 4. อ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนมัย) 5. ช่วยขวนขวายทำในกิจที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) 6. อุทิศส่วนกุศล (ปัตติทานมัย) 7. อนุโมทนาบุญ (ปัตตานุโมทนามัย) 8. ฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) 9. แสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) 10. ทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) 3.บุญที่เกิดจากการทำทานด้วยวัตถุ (ไม่รวมอภัยทานและธรรมทาน)จะมีปริมาณมากหากทำบุญต่อ 2 สิ่งนี้คือ 1.ต่อสิ่งที่มีบุญคุณ เช่น บิดามารดา ผู้มีพระคุณต่างๆ 2. ต่อสิ่งที่มีความบริสุทธิ์ เช่น พระศาสนา พระรัตนตรัย พระอริยเจ้า สมมติสงฆ์ ผู้มีศีล (และเป็นที่ทราบกันดีว่า หากเปรียบเทียบกันโดยยึดศีลเป็นหลักพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า การทำทานต่อผู้ที่มีศีลมากกว่าย่อมมีอานิสงส์มากกว่าการทำทานต่อผู้ที่มีศีลน้อยหรือไม่มีศีล และทานต่อหมู่สงฆ์ที่ไม่เจาะจงหรือสังฆทาน ย่อมมีอานิสงส์มากกว่าทานที่เฉพาะเจาะจงต่อพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง) 4.บุญจากการถือศีลมีมากกว่าบุญจากการทำทาน และบุญจากการเจริญสมาธิภาวนามีมากกว่าการถือศีล แต่การเปรียบเทียบกันข้ามประเภทแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคุณลักษณะและคุณสมบัติของผลบุญที่แสดงออกมาจะมีความแตกต่างกัน เป็นความสุขคนละแบบ เช่น ความสุขจากการภาวนาจะมีความดื่มละเอียดลึกซึ้งประณีตกว่าความสุขที่ได้รับจากผลทาน ทำให้หลุดพ้นเป็นอิสระจากอิทธิพลการดึงดูดใจของวัตถุ แต่ความสุขจากผลของทานที่มักจะส่งผลในรูปแบบความสุขของการมีทรัพย์และการใช้ทรัพย์ ซึ่งยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของวัตถุ ก็ไม่ใช่รูปแบบที่สามารถพบเจอได้ในอานิสงส์จากการถือศีลหรือจากการทำภาวนา 5.จากคำสอนเรื่องกรรมสนับสนุน (อุปัตถัมภกรรม) และกรรมขัดขวาง (อุปปีฬกรรม) เราสามารถตั้งสมมติฐานได้ว่า มนุษย์ทุกคนต้องใช้บุญตลอดเวลาในการดำเนินชีวิตอย่างมีอาจขาดช่วงวันระยะได้เลยแม้แต่วันเดียว ยกตัวอย่างเช่น แค่เซลล์เดียวก็เกิดเป็นเซลล์มะเร็งขึ้นได้ทุกขณะ 6."องค์ประกอบในการทำทานมีอยู่ 3 สิ่ง คือ clean, clear, cultivated *วัตถุ-เงินที่นำมาทำทานต้องได้มาอย่างสุจริต มีแหล่งที่มาที่สะอาดบริสุทธิ์ = clean *เจตนา-ต้องบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรแอบแฝง = clear *ผู้รับต้องมีใจบริสุทธิ์ มีศีลบริสุทธิ์ เป็นเนื้อนาบุญ = cultivated" 7.พระพุทธเจ้าทรงจัดลำดับความเป็นเนื้อนาบุญไว้ว่า... สัตว์ < มนุษย์ไม่มีศีล < มนุษย์มีศีล 5 < มนุษย์มีศีล 8 < สามเณรศีล 10 < พระศีล 227 < พระอริยเจ้า < พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์เปรียบเทียบให้เราเข้าใจแล้ว แต่เราไม่ควรเข้าใจผิดว่าพระองค์ชักนำให้ทำบุญแต่กับพระกับเจ้า "ใจเป็นใหญ่" เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ดังนั้นถ้าใจเรารู้สึกสงสารเมตตาสัตว์หรือเพื่อนมนุษย์อย่างเปี่ยมล้นจริงๆครั้งใด หรืออิ่มเอมใจในการทำทานแบบนั้นจริงๆ นึกอยากจะทำเพราะเห็นว่าดีจริง เป็นประโยชน์จริง ก็ควรจะทำทานนั้น แม้จะเป็นการทำทานกับสัตว์หรือคนในกรณีแบบนั้นก็มีพลังมากเช่นกัน" 8.ปัจจัยหลัก ประการแรกที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อการได้มาหรือดำรงไว้ซึ่งรูปสมบัติ (สวยหล่อ) คือ การไม่ผิดศีลข้อที่หนึ่ง เป็นข้อเดียวที่มีผลกรรมเกี่ยวพันโดยตรงกับการควบคุม การได้มา หรือความเป็นไป ของรูปลักษณ์ของร่างกายมนุษย์ ไม่ให้บิดเบี้ยวไปจากที่มนุษย์ผู้สมบูรณ์แบบควรจะเป็นในช่วงเวลามาเกิด ซึ่งควบคุมด้วย “ชนกกรรม” หรือกรรมนำมาเกิดทุกคน เพราะผลจากการผิดศีลข้อนี้ จากคำอธิบายในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ผลลัพธ์ของการฆ่าสัตว์ เกิดมา อาจต้องประสบกับสิ่งต่อไปนี้ คือ พิการ รูปไม่งาม อ่อนแอ เฉื่อยชา ขี้ขลาด ถูกฆ่า ขี้โรค พินาศ อายุสั้น ปัจจัยอย่างที่สอง การทำบุญที่เกี่ยวเนื่องกับการสร้างความสวยงามให้ศาสนสถาน หรือบูชาพระรัตนตรัยด้วยสิ่งที่สวยงาม เช่น ชอบจัดดอกไม้ในภาชนะให้เป็นพุ่มเป็นทรงด้วยความประณีตงดงาม เพื่อประดับหน้าแท่นบูชา ในโบสถ์ วิหาร ศาลา สถานที่ประกอบศาสนพิธี อันเป็นการเพิ่มบรรยากาศความงาม ความน่าศรัทธาของสิ่งแวดล้อมในบริเวณศาสนสถานนั้น หรือจัดดอกไม้ในแจกัน ในกระเช้าให้เป็นช่อเป็นชั้น มีศิลปะ สวยงาม เพื่อบูชาพระพุทธรูป บูชาพระบรมธาตุเจดีย์ ย่อมทำให้เกิดมามีรูปร่างที่งดงาม มีหุ่นดี ปัจจัยอย่างที่สาม ที่มีผลต่อหน้าตารูปลักษณ์คือ การอธิษฐาน หากกระทำบ่อยๆ และทำบุญใหญ่ด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใส มีความปีติในบุญจริงๆ ก็จะเป็นแรงเสริมส่งผลให้เกิดเป็นเช่นนั้นได้เลยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีกรรมจากการผิดศีลข้อหนึ่งมาเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง แต่เนื่องจากส่วนใหญ่เวลาที่คนเราอธิษฐานให้เกิดมาสวยหล่อนั้น น้อยคนนักที่จะอธิษฐานกำกับไปด้วยว่า ให้ความสวยหล่อนั้นเกิดมาด้วยปัญญากำกับ 9.การอธิษฐานจะประสบผลไปสู่เป้าหมายที่ต้องการเร็วหรือช้า มีองค์ประกอบดังนี้ ***อธิษฐานไปในทิศทางเดียวกัน อย่างแน่นอน แน่วแน่ ชัดเจนไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คือควรอธิษฐานซ้ำๆ ตอกย้ำด้วยความตั้งใจมั่น ไม่ใช่เปลี่ยนคำอธิษฐานไปเรื่อยๆ ตัดสินใจไม่เฉียบขาด มีใจโลเล และคำอธิษฐานที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้ขาดพลังสะสม อธิษฐานใหม่ก็อาจจะขัดแย้งกับคำอธิษฐานเก่าที่ลืมๆ ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ในชุดคำอธิษฐานแต่ละครั้งก็ไม่ควรมีถ้อยคำที่ขัดแย้งกัน ซึ่งจะทำให้ผลที่จะได้รับขัดกันไปในตัว **อธิษฐานให้พิถีพิถันครอบคลุมทุกเรื่องไม่ให้ตกหล่น มิฉะนั้นอาจเกิดมาได้สิ่งดีๆ ไม่ครบ เช่น รวย แต่ไม่สวย หน้าสวยแต่หุ่นไม่ดี หุ่นดีมากชนิดใครเห็นต้องมองตามจนเหลียวหลัง แต่พอเห็นหน้าแล้วต้องร้องยี้ด้วยความผิดหวัง ได้ทรัพย์สมบัติมรดก แต่ไม่มีคุณสมบัติในการบริหารรักษาทรัพย์ ได้รูปสมบัติ แต่ไม่ได้ความเฉลียวฉลาดหรือไร้ทรัพย์ เราจึงต้องจัดเตรียมชุดคำอธิษฐานที่สมบูรณ์อย่างพิถีพิถัน ไม่มีช่องโหว่เหมือนเราออกแบบสร้างบ้านที่จะต้องออกแบบให้มีหลายๆ ห้องให้ครบ เพื่อประโยชน์ใช้สอยที่สมบูรณ์ **อธิษฐานให้ตรงกับชนิดของบุญ การอธิษฐานตรงกับชนิดของบุญจะให้ผลได้เร็วกว่าชนิดที่ไม่ตรง คือให้นึกถึงผลตรงกับเหตุที่ประกอบ เช่น พับดอกบัวอย่างประณีตบรรจง ก็อธิษฐานให้ใบหน้าสวย จัดดอกไม้ในแจกัน ในกระเช้า ในพาน แต่งทรงพุ่มใบให้สวยงามเพื่อบูชาพระหรือประดับศาสนสถาน ก็อธิษฐานให้หุ่นดี ทำบุญทุนการศึกษา ทำบุญสร้างโรงเรียน ทำบุญพระไตรปิฎกพิมพ์หนังสือธรรมะแจก ก็อธิษฐานให้มีปัญญา 10.การทำบุญแล้วไม่อธิษฐาน ก็เหมือนการหว่านปุ๋ยกระจายกว้างๆไปในแปลงที่มีต้นไม้อยู่มากๆ ต้นไม้ก็อาจจะได้รับส่วนแบ่งของปุ๋ยบ้างไม่ได้รับบ้าง การทำบุญแล้วอธิษฐานด้วย คือการใส่ปุ๋ยที่ “ตรงเป๊ะ” พอดีโคนต้นอย่างพิถีพิถันบรรจง มากน้อยตามชนิด ธรรมชาติ และความต้องการของพืช และถ้ามีปุ๋ยเหลือก็ค่อยหว่านกระจายไปในตอนท้าย ต้นไม้ก็จะงอกงามตามแบบที่เราวางแปลน ดังนั้นหากเราต้องการจัดโปรแกรมชีวิตให้เป็นเช่นไร การอธิษฐานจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วกว่า ในทางตรงข้าม หากการอธิษฐานที่เกินเลยไป เช่น ทำบุญ 20 บาท แต่ขอถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ลักษณะแบบนี้อธิษฐานหรือไม่อธิษฐานก็ไม่แตกต่างกัน และการอธิษฐานที่เจือปนด้วยกิเลสความอยากมากไป กิเลสก็อาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางปีติ ทั้งอาจปิดกั้นไม่ให้บุญเกิดขึ้นในใจเราได้อย่างสะดวกนัก 11.บางครั้งเราได้ทำให้สัตว์เล็กๆตาย โดยที่เราไม่รู้ทั้งก่อนและหลังการกระทำนั้น เช่น เดินเหยียบมดหนึ่งตัว สองตัว โดยที่เรามองไม่เห็น หรือขับรถเร็วๆ ทับกิ้งก่ากิ้งกือบนถนนโดยไม่ได้มอง เป็นการกระทำที่เราไม่ทราบ และจะไม่มีทางทราบเลยจนตลอดไป เช่นนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีวิบากกรรม เพราะเมื่อเราไม่รู้ว่าได้ทำ ก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ไม่เคยมีไฟล์นั้นบันทึกอยู่เลย แต่ในลักษณะเช่นนี้จะมีการจองเวร เกิดเป็นเจ้ากรรมนายเวรขึ้นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องอารมณ์แค้นเคืองส่วนตัวเฉพาะบุคคลของผู้ถูกกระทำไม่เกี่ยวกับกรรม 12.หากครั้งใดที่เราประสบเคราะห์กรรมร้ายแรงที่ชวนให้นึกถึงและไม่อาจหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานที่ต่อเนื่องเจ้ากรรมนายเวรยาวนาน แม้เราจะพยายามทำบุญอุทิศส่วนบุญให้หลายวิธีแล้ว แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น อาจเป็นเพราะบุญที่เราอุทิศให้ยังไม่มากเพียงพอที่จะดึงดูดใจให้เจ้ากรรมนายเวรสนใจ และเปลี่ยนใจรับข้อเสนอบุญแลกกับการเลิกราต่อกัน เราอาจต้องทำบุญใหญ่ ซึ่งมีหลายวิธีดังนี้ หากเป็นชาย ก็ให้บวชพระและตั้งใจปฏิบัติอยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด หรือหากเป็นหญิง ก็ให้เป็นเจ้าภาพบวชพระหลายๆรูป เข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอย่างน้อย 7 วัน และแผ่เมตตาทุกวัน 13.เป็นเรื่องดีหากมีใครมาบอกบุญเรา (ซึ่งเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่สิบแปดมงกุฎ) ขอให้ร่วมบุญไปด้วยทุกครั้ง แม้เพียงเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าไม่ทำ โดยวางใจจับแง่คิดในด้านดี คิดบวกไว้ก่อน แล้วทำไปด้วยความเต็มใจ ด้วยใจที่ตระหนักในอานุภาพการทำบุญว่า ไม่มีคำว่าสูญเปล่าหรือคำว่าเสียทรัพย์ในการทำบุญใดๆ เลย ใครทำใครได้ ขึ้นอยู่ที่ใจ ถ้าใจมีเจตนาดีที่เต็มเปี่ยมแล้ว บุญก็ต้องเกิดขึ้นแน่นอน (แต่เนื้อนาบุญไม่ดีก็ได้น้อยหน่อย) และสะสมในตัวเราไม่หายไปไหน การตักบาตรด้วยข้าวสารเป็นสิ่งที่ดีเพราะเก็บได้นาน แต่ควรจะต้องหาโอกาสทำบุญค่าไฟให้วัดเป็นครั้งคราวเพื่อใช้ในการหุงข้าวนั้นด้วย จึงจะครบวงจรบุญยิ่งขึ้นและการที่นิยมตักบาตรด้วยปลากระป๋องนั้น ก็อาจจะช่วยให้มีอานิสงส์ในแง่ที่ว่า ไม่ว่าจะไปอยู่ที่แห่งหนใด ก็มีเสบียงอาหารสำรองไม่ขาดแคลน แต่ถ้าหากไม่เคยตักบาตรหรือถวายอาหารที่ประณีตแด่พระสงฆ์เลยในภายภาคหน้าก็อาจจะได้ไปทำงาน ไปอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่อาหารที่ไม่ประณีต เกรดเดียวกับอาหารกระป๋องให้ต้องทนกิน เป็นในลักษณะ “มีเงิน แต่ไม่มีร้านเซเว่นอีเลฟเว่น” 14.ทำอย่างไรจึงได้มาเป็นเนื้อคู่กัน คำว่าเนื้อคู่มี 2 ลักษณะ เนื้อคู่แบบที่หนึ่ง ต้องเคยทำบุญร่วมกัน หมายถึงเมื่อแต่งงานหรืออยู่กินกันแล้ว ได้นำทรัพย์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมไปทำทานโดยความยินยอมพร้อมใจอนุโมทนาของทั้งสองฝ่าย และกระทำบ่อยๆ หรือมากๆจนเกิดเป็นบุญที่มีความแรง มีอานุภาพมากพอ เมื่อเกิดใหม่ก็จะชักนำดลบันดาลให้ทั้งคู่ได้มาพบกันเพื่อใช้บุญและรับผลบุญในช่วงเวลาเดียวกันโดยมาเจอกัน เป็นคู่ชีวิตกันอีก และเมื่ออยู่ด้วยกัน ชีวิตคู่ก็จะประสบความสำเร็จในการงานมากกว่าตอนที่อยู่ลำพังคนเดียว ยังไม่ได้แต่งงาน เนื้อคู่ลักษณะนี้ เพียงไม่นานหลังแต่งงาน ก็จะเปลี่ยนชนิดความรู้สึกที่มีต่อกัน จากแบบคนรัก กลายเป็นความนับถือชื่นชมยกย่องในความดีงามของกันและกัน คล้ายเพื่อนที่แสนดี มีความรักที่บริสุทธิ์ต่อกันไม่ค่อยมีความรู้สึกทางความใคร่ ความลุ่มหลง หึงหวงต่อกันมากนักและจะชวนกันสร้างแต่บุญกุศล สร้างความดีอีกเรื่อยไป เนื้อคู่แบบที่สอง เกิดจากการที่ชายหญิงคู่หนึ่งในอดีต ขณะกำลังลุ่มหลง ตกหลุมรักซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ ได้ทำบุญใหญ่ก้อนหนึ่งร่วมกัน เสร็จแล้วทั้งคู่ต่างอธิษฐานตรงกัน คือมุ่งหวังด้วยใจเต็มร้อย ทั้งโดยการกล่าวถ้อยคำอธิษฐานออกมา และทั้งปรารถนาในจิตใต้สำนึกลึกๆต้องการให้บุญนั้นส่งผลให้ได้สิ่งที่ต้องการที่สุดในเวลานั้นคือ การได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันอีก 15.หากบิดามารดาสอนให้บุตรหลานรู้จักเคล็ดลับว่า การสอบที่จะไม่พลาด ประสบความสำเร็จสมใจ จำเป็นจะต้องหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆทุกวัน วันละประมาณ 30 นาทีจนเป็นนิสัย โดยมิใช่มัวแต่ให้ความสำคัญแค่เฉพาะการท่องหนังสือหามรุ่งหามค่ำและการเรียนกวดวิชาเท่านั้น เช่นนี้แล้วถือว่าท่านได้มอบกุญแจสู่ความสำเร็จให้แก่ลูกอย่างดีที่สุด (วัยเรียนควรนั่งสมาธิให้ได้วันละครึ่งชั่วโมง เพราะเมื่อนั่งสมาธิไปถึงประมาณ 20 นาที ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายคือฮอร์โมนเอนดอร์ฟินจะเริ่มหลั่งออกมา หากเวลาน้อยกว่านี้ ฮอร์โมนก็จะยังไม่หลั่ง หากลูกคนใดมีใจเคารพรักผูกพันซาบซึ้งพระคุณและเทิดทูนบิดามารดามากเท่าใด ชีวิตย่อมมีแนวโน้มจะรุ่งมากเท่านั้น แม้เดิมไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่ผลบุญจะส่งและจัดสรรให้ได้เข้าเรียนในสาขาที่ตรงตามวาสนา และเป็นบันไดสู่จุดสูงสุดของชีวิต วิธีป้องกันกรรมจากการเถียงผู้มีพระคุณด้วยการปลูกจิตสำนึกก็จำเป็น แต่ที่จะได้ผลชะงัดจริงในการห้ามกรรมชนิดนี้ ก็ต้องใช้วิธีการนั่งสมาธิเช่นเดียวกัน เพราะการฝึกสมาธิจนใจสงบ จะทำให้ผู้ปฏิบัติมีใจผ่องใส มีใจละเอียด อ่อนโยน เป็นบ่อเกิดแห่งธรรมะภายใน เกิดสติยั้งคิดเท่าทันว่าสิ่งใดไม่ควรทำ รวมทั้งเกิดปัญญารู้ว่า คำพูดลักษณะใดบ้างที่ไม่ควรพูด พูดแล้วติดลบในบัญชีชีวิต ดังนั้นการฝึกสมาธินี้เองที่เป็นดั่งคีย์การ์ดในการเปิดเข้าไปสู่ประตูแห่งอนาคตของการเป็นทั้งคนเก่งและดีโดยแท้จริง เครดิตภาพ ภาพปก โดย freepik จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ นี่หรือเมืองพุทธ รีวิวหนังสือ ทำดี 24 ชั่วโมง รีวิวหนังสือ บุญใหญ่พลิกชีวิต รีวิวหนังสือ มหาสติปัฏฐาน ๔ ทางลัดดับทุกข์ รีวิวหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !