รีเซต

คาด DUSIT พลิกทำกำไร บล.ทรีนิตี้แนะ “ซื้อ” เป้า 17.20 บ.

คาด DUSIT พลิกทำกำไร บล.ทรีนิตี้แนะ “ซื้อ” เป้า 17.20 บ.
ทันหุ้น
16 มิถุนายน 2566 ( 12:45 )
66

บล.ทรีนิตี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ให้ราคาเหมาะสม 17.20 บาท ชี้รายได้เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ผลประกอบการในปี 66 จะพลิกกลับมาทำกำไร และเติบโตก้าวกระโดดในปี 68

 

บล.ทรีนิตี้วิเคราะห์หุ้น DUSIT ระบุว่า กลุ่มโรงแรมฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงแรมในประเทศไทย กลุ่มอาหารเติบโตจากการลงทุนเพิ่ม และกลุ่มการศึกษามี Enrollment ของนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น คาดปี 2566 สามารถมีผลประกอบการพลิกกลับเป็นกำไรที่ 207 ล้านบาท และจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 ส่งผลให้ P/E อยู่ในระดับต่ำเพียง 4.5X แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 17.20 บาท

 

Hotel

ปัจจุบันมีโรงแรมในเครือ 50 แห่ง โดยที่เป็น Own Hotel 10 แห่ง และ Management Hotel 39 แห่ง Occupancy Rate ใน 1Q66 อยุ่ที่ 75% ยังต่ำกว่า 1Q62 ที่ 85% โดยประเทศไทยมี Occupancy rate อยู่ที่ 78% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 70% ใน 4Q65 แต่ยังคงต่ำกว่า 1Q62 ที่ 82% ในขณะที่ในต่างประเทศ อยู่ที่ 67% ใกล้เคียง 4Q65 ที่ 68% และต่ำกว่า 1Q62 ที่ 79% จากการปรับตัวลดลงของ Maldives เป็นหลัก RevPar มีการฟื้นตัว 90% จากช่วง 1Q62 แต่เติบโต 79%YOY ในขณะที่ RevPar โรงแรมในประเทศสูงกว่า 1Q62 ที่ 9.3% คาดมีโรงแรมอีก 60 แห่งใน Pipeline ที่จะรับบริหาร

 

Food

รายได้จากกลุ่มอาหารปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 18% ปรับตัวสูงขึ้นจากการเข้าลงทุนในกิจการ Bonjour เมื่อ 2Q65 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 73 สาขา และได้เริ่มขยายกิจการไปยังประเทศจีน และขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2C, เพิ่มขึ้น Epicure และ The Caterers เริ่มมีการเพิ่มจำนวน Contract หลังจากโรงเรียนต่างๆกลับมาเปิดสอน On-site ทั้งในประเทศเทศไทยและเวียดนาม

 

Education

รายได้จากกลุ่มการศึกษาอยู่ที่ 7% ของรายได้รวม โดยมี Enrollment ที่สูงขึ้นของทั้งจาก Le Cordon Bleu และ Dusit Thani College หลังจากที่กลับมาสอน On-site และ The Food School Project ที่มีทั้งหลักสูตรระยะยาวและ Short Course

 

Property

ยังคงโอนโครงการ The Hampton Sriracha ต่อเนื่อง มียอดขายที่ 74% และปัจจุบันโอนไปแล้ว 45% ของมูลค่าโครงการที่ 1.4 พันล้านบาท โครงการ Dusit Residences ยังคงคาดว่าจะโอนได้ช่วงปลายปี 2568 โดยปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ 62% และตังเป้ายอดขายที่ 70% ในปี 2566

 

เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ จากทุกกลุ่มธุรกิจ

คาดปี 2566จะมีผลประกอบการพลิกกลับเป็นกำไรได้ที่ 207 ล้านบาท และคาดกำไรปี 2567 จะเติบโตจากเริ่มเปิดให้บริการโครงการ Dusit Central Park และกำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 จากการโอนโครงการ Dusit Residences ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 2.43 พันล้านบาท

 

ยังคงเป้าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโรงแรมที่ 60-65% และสัดส่วนยรายได้จากกลุ่มอาหารที่ 25-30% ในขณะที่รายได้จากกลุ่ม Education คาดว่าจะคงอยู่ที่ 7-8% ของรายได้รวม

 

ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท

แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท ด้วยวิธี DCF จาก WACC ที่ 6.2% และ Terminal growth Rate ที่ 3% โดยปี 2566 คาดผลการดำเนินงานพลิกกลับเป็นกำไร และได้รับอานิสงส์จากการกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่งผลใหทุกกลุ่มธุรกิจฟื้นตัวกลับสู่ระดับ Pre-COVID และกำไรเติบโตก้าวกระโดดในปี 2568 จากโครงการ Dusit Central Park

Business Update

DUSIT Central Park : คาดโรงแรมจะสามารถเริ่มให้บริการเป็นโครงการแรกราว 1H67 ขณะที่โครงการ Office และ Retail คาดเริ่มให้บริการช่วง 2H67 และปี 2568 จะเริ่มโอนโครงการ Dusit Residences โดยปัจจุบันมียอดขายราว 62%

 

ธุรกิจ Property Management ได้ทำการร่วมทุนกับ ORI (Origin Property) ในโครงการ Hampton Sriracha ที่ ปัจจุบันมียอดขาย 74% และเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 4Q65 และโอนไปแล้วที่ 45%

 

ปัจจัยเสี่ยง

การระบาดของ COVID-19 ที่กดดันตลาดโดยรวม การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวช้ากว่าคาด เงินเฟ้อที่สูงขึ้น กดดัน Purchasing Power ของลูกค้า และเพิ่มต้นทุนให้บริษัท ความผันผวนของค่าเงินบาท

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง