ไม้เลื้อยถือว่าเป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่คนมักจะนำมาตกแต่งและปลูกในบ้าน นอกจากจะช่วยสร้างร่มเงาแล้ว ยังช่วยทำให้บ้านร่มรื่นและหน้าอยู่มากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันไม้เลื้อยที่เราปลูกนั้นยังแฝงไปด้วยประโยชน์อีกมากมายที่เรายังไม่รู้ จะมีอะไรบ้างนั้น ลองเข้าไปอ่านกันเลย1.การเลือกพันธุ์ไม้เลื้อยไม้เลื้อยในปัจจุบันมักจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการนำมาปลูกตกแต่งบ้าน เป็นได้ทั้งไม้ประดับ ไม้แขวน อีกทั้งยังสามารถดัดแปลงทำเป็นซุ้มหน้าบ้านหรือทำเป็นซุ้มบังแดดได้ โดยการเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมกับบ้านของเราก็จะขึ้นอยู่กับความต้องการของเราว่าเราอยากปลูกแล้วจะใช้ประโยชน์เป็นอะไร ถ้าจะเลือกทำเป็นซุ้มบังแดด ก็ต้องเลือกพันธุ์ที่ออกไปตลอดทั้งปี แต่ถ้าจะตกแต่งเพื่อความสวยงามก็สามารถเลือกสายพันธุ์ใดก็ได้ที่คุณชื่นชอบ เพราะในแต่ละพันธ์ก็มีจุดเด่นและความงามที่ไม่เหมือนกัน 2.การเตรียมดินก่อนปลูกไม้เลื้อย 1.ควรหาตำแหน่งที่ปลูกแล้วจะสามารถทำให้ไม้เลื้อยของเราเจริญเติบโตได้ดี มีแสงแดดที่เพียงพอ และไม่เป็นที่น้ำขัง 2.ทำการปรับปรุงดินโดยการพรวนดิน และเสริมธาตุอาหารโดยปุ๋ยคอก หรืออาจจะเป็นเศษใบไม้ เศษผักผลไม้หรือเศษอาหารที่เราเหลือจากการบริโภค มาผสมเข้าด้วยกันแล้วรดน้ำให้ชุ่ม เป็นเวลา 5-14 วันสำหรับเวลาขึ้นอยู่กับวัสดุปลูกที่เราใช้ ถ้าปลูกลงดินก็สามารถปลูกได้เลย เพราะในพวกเศษอาหารและเศษใบไม้จะมีพวกจุลินทรีย์และน้ำตาล ทำให้ดินมีแร่ธาตุ 1. พวงชมพูสำหรับท่านใดที่ต้องการปลูกต้องคำนวณระยะดีๆ เพราะการเจริญเติบโตของต้นพวงชมพูค่อนข้างเร็ว เผลอนิดเดียวเลื้อยเต็มรั้วแล้ว ลักษณะของต้นพวงชมพู จัดว่าเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดกลาง ส่วนโคนค่อนข้างแข็งแรงมีลำเถาเป็นสีเขียวอ่อน มีความสามารถในการยึดเกาะพันต้นไม้หรือเลื้อยพันสิ่งต่าง ๆได้เป็นอย่างดี โดยจะเลื้อยได้ไกลถึง 5 – 12 เมตร ในส่วนของดอกมีสีชมพูและสีขาว ออกดอกเป็นช่อหรือเป็นกระจุกตามแขนงช่อ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิดที่มีความชื้น วิธีปลูกและการดูแล1.การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การปักชำกิ่งและการตอน ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนและระบายน้ำได้ดี 2.สำหรับคนที่ปลูกลงกระถางสามารถใช้ดินปลูกต้นไม้ผสมกับปุ๋ยคอกปลูกได้เลย แต่ต้องมีไม้หรือโครงให้ต้นพวงชมพูเกาะยึดเพื่อเลื้อยขึ้นไปได้ด้วย หรืออาจจะปลูกในกระถางแบบแขวนก็ได้ ให้ต้นห้อยย้อยลงมา3.พวงชมพูเป็นไม้ที่ชอบแดดจัด สามารถอยู่กลางแจ้งได้ตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่มักจะปลูกกันมากในเขตร้อน ให้ทำการรดน้ำให้ชุ่มประมาณสัปดาห์ละ 2-5 ครั้ง ประโยชน์1.ในส่วนของยอดอ่อนและช่อดอกที่ยังไม่บานเต็มที่ สามารถนำมาชุบแป้งทอดหรืออาจจะนำมาลวกกินกับน้ำพริกก็ได้ 2.ส่วนรากและเถา สามารถนำมาต้มเพื่อใช้บรรเทาอาการนอนหลับยาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาท ซึ่งสัดส่วนที่ใช้คือ เถาประมาณ 1 กำมือ หรือใช้รากประมาณ 1/2 กำมือ ต้มกับน้ำสะอาด 4 ถ้วย ต้มจนให้เหลือน้ำต้มเพียง 2 แก้ว (ต้มจนน้ำระเหย จนได้น้ำแบบเข้มข้น) ใช้รับประทานก่อนนอนครั้งละ 3 ช้อนแกง ข้อควรระวังควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรดื่มมากเกินไปเพราะมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาท 2. ตีนตุ๊กแกเรามักจะพบเห็นการปลูกต้นตีนตุ๊กแกตามบ้านเรือนหรือตามคาเฟ่แนวธรรมชาติ โดยจะปลูกให้เลื้อยไปตามรั้วหรือเสาต่างๆอย่างสวยงามเลยทีเดียว แถมยังทำให้สถานที่นั้นๆดูร่มเย็นและให้ความสดชื่นขึ้นอีกด้วย ต้นตีนตุ๊กแก มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยที่ทนต่อความแห้งแล้งได้เป็นอย่างดี กิ่งเล็ก เนื้อเหนียวและแข็ง มีรากขนาดเล็ก แตกออกตามข้อเถาใช้รากในการเกาะผนัง ส่วนของใบจะเป็นทรงรีหรือทรงไข่ มีปลายแหลม ผิวหยาบและมัน จะออกสีเขียวเข้มหรือสีน้ำตาลแดง คนส่วนใหญ่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับบ้าน เพื่อให้ยึดเกาะและเลื้อยไปตามผนังกำแพงบ้านหรือตึก ทำเป็นแนวกำแพง อีกทั้งยังสามารถเจริญเติบโตได้ถึง 5 ปีขึ้นไป วิธีปลูกและการดูแล1.ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ สามารถตัดกิ่งที่มีความแข็งแรง ไม่ควรตัดกิ่งอ่อนมาปักชำ 2.ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนปนทราย หรืออาจะเป็นดินปลูกต้นไม้ผสมกับกาบมะพร้าวสับ 3.หลังจากที่เตรียมกิ่งที่จะปักชำเสร็จแล้ว ให้นำมาปักลงยังดินที่ปลูก แล้วรดน้ำให้ชุ่ม นำไปวางไว้ในที่ร่ม ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เพื่อรอให้รากใหม่แตกออกมาก4.หลังจากที่ต้นตีนตุ๊กแก มีการเจริญเติบโตแล้วให้ย้ายไปปลูกในที่มีพื้นที่ในการยึดเกาะ ไม่ว่าจะเป็นผนังบ้าน กำแพงบ้าน เสา ควรปลูกให้ห่างกันประมาณ 40-50 เซนติเมตร 5.ต้นตีนตุ๊กแก ควรรดน้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1-3 ครั้ง เพราะเป็นไม้ที่ชอบน้ำปานกลาง แต่สามารถทนแดดจัดตลอดทั้งวันได้ 6.พอปลูกได้ประมาณ 3-6 เดือนแล้ว ให้บำรุงด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีประโยชน์1.ช่วยสร้างความร่มรื่นและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวบ้านของเรา2.ปลูกเป็นไม้ประดับบริเวณ กำแพง ผนัง เสา หรือรั้วบ้านได้ 3.ช่วยฟอกอากาศภายในบ้านและรอบบ้านได้ดี4.สามารถช่วยในการลดอุณหภูมิในตัวบ้าน และลดความร้อนจากแสงแดดที่จะส่องเข้ามายังตัวบ้านของเราได้อีกด้วย 5.ในส่วนของใบต้นตีนตุ๊กแก สามารถช่วยในการรักษาฝีและบรรเทาอาการปวดตามข้อ แก้การอักเสบตามข้อต่อกระดูกได้ดี โดยน้ำใบมาตำหรือบดให้ละเอียด ใช้พอกยังบริเวณที่ปวด ข้อควรระวัง1.ด้วยการเลื้อยของต้นตีนตุ๊กแกที่แผ่ขยายออกเป็นวงกว้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อาจจะทำให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษได้ ดังนั้นต้องมีการตัดแต่งอยู่เสมอ 2.การที่ต้นตีนตุ๊กแกจะแผ่ขยายเต็มผนัง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูและและบำรุงดิน 3. กุหลาบเลื้อยดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่คนทั่วโลกนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับและใช้ตกแต่งบ้านและสวน นั่นก็คือกุหลาบเลื้อย ที่มีทั้งดอกหลากหลายสี แถมมีกลิ่นหอม ใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่างเลยทีเดียว แต่เราก็ต้องหมั่นดูแล ตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอ เพราะถ้าเราปลูกในที่แสงน้อยเขาจะเลื้อยยาวออกมากเป็นทรงไม่สวย กุหลาบเลื้อย มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยเกาะกำแพง มีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงกลาง สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 2-5 เมตร แล้วแต่สภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ ในส่วนของใบมีสีเขียวเข้ม ทรงรี มีปลายแหลม ขอบหยัก มักจะมีการผลัดใบในฤดูร้อน ส่วนของดอกจะออกตลอดทั้งปี แต่ในหน้าหนาวจะออกเยอะเป็นพิเศษ มีหลากหลายสีสัน แถมยังมีกลิ่นหอม ตามซอกใบและปลายยอด มีหลายสี มีกลิ่นหอม พบเห็นได้ตลอดทั้งปี แต่ออกดอกเยอะเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาว วิธีปลูกและการดูแล1.การขยายพันธุ์ของกุหลาบเลื้อยจะมีการปักชำ ติดตาง และตอนกิ่ง2.ควรปลูกในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดส่องถึงเต็มวัน และควรมีระยะห่างในการปลูกประมาณ 40-50 เซนติเมตร 3.สำหรับการปลูกควรหาเสา โครงไม้หรือพวกระแนง ตะแกรงเหล็ก เพื่อใช้เป็นที่ยึดเกาะของเถาลำต้น สามารถนำเชือกเส้นเล็กมาผูกต้นกุหลาบให้ติดกับตำแหน่งที่เราต้องการจะให้เขาเลื้อยออกไป 4.หลังจากปลูกเสร็จแล้วให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงเช้า สัปดาห์ละ 4-5 วัน5.เมื่อปลูกเสร็จแล้วก็หมั่นบำรุงรักษาจะทำให้ดอกกุหลาบมีความสวยงาม5.ควรหมั่นบำรุงด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยเม็ดอย่างสม่ำเสมอประโยชน์สามารถนำดอกมาตากแห้งแล้วทำเป็นชากุหลาบชงดื่มได้ เพราะในกุหลาบจะช่วยเรื่องของการดีท๊อค ปรับสมดุลการขับถ่ายของร่างกาย ลดไขมันและลดคลอเลสเตอรอล แถมยังช่วยช่วยบำรุงหัวใจ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาท ทำงานได้ดี ร่างกายสดชื่นและผ่อนคลาย ดีต่อคนที่มีปัญหาเรื่องประจำเดือน เพราะช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุลของเพศหญิง ในการชงดื่มควรชงในน้ำร้อนและจิบในยามเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ ข้อควรระวัง1.ควรหมั่นตัดแต่งกิ่งไม่ให้เลื้อยรก2.ในฤดูร้อน มักจะเกิดโรคและเเมลงศัตรูพืชได้ง่ายขึ้น ควรตัดแต่งกิ่งและหมั่นสังเกตต้นให้ดี 3.ไม่ควรรดน้ำในช่วงก่อนค่ำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ก่อให้เกิดความชื้นสูง ซึ่งจะนำไปสู่การสะสมของเชื้อราได้ 4. อัญชันนับได้ว่าอัญชันเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สามารถปลูกเพื่อความสวยงามก็ได้ ปลูกไว้ใช้ประโยชน์จากดอกก็ได้ เป็นไม้ที่โตเร็วและให้ดอกเยอะ อัญชันเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยกึ่งล้มลุก ส่วนลำต้นเป็นไม้เถา มีขนาดเล็กที่สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 1-10 เมตร มีใบสีเขียวสด แผ่นเรียบบาง มีทรงรีและปลายแหลม ออกดอกได้ตลอดปี มีหลายสีสันไม่ว่าจะเป็นสีม่วง สีน้ำเงินอมม่วง สีฟ้า และสีขาว คนส่วนใหญ่มักจะนำไปทำอาหารประเภทขนม วิธีปลูกและการดูแล1.ขยายพันธุ์โดยเมล็ด โดยนำเมล็ดแห้งของต้นอัญชันมาแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นก็ห่อผ้าชุบน้ำทิ้งไว้ 2-3 วันก็จะทำให้รากงอกออกมา แล้วทำการเตรียมดินเพื่อปลูก2.ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนปนทราย มีส่วนผสมของปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมลึกลงไปประมาณ 3-5 เซนติเมตร และวางเมล็ดอัญชันลงไปในหลุมประมาณ 2-3 เมล็ด จากนั้นก็กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม 3.พอต้นงอกโผล่พ้นดินแล้ว ก็ให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับหาไม้หรือเสาให้ต้นอัญชันเลื้อยออกไป4.ปลูกในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสม ไม่จัดเกินไปและไม่น้อยเกินไป รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เช้า-เย็น (แล้วแต่ความสะดวก) เพราะเป็นพืชที่ค่อนข้างทนต่อสภาพอากาศแห้งแล้งได้ดี ดูแลไม่ยาก ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวนประโยชน์1.ดอก มีสารที “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ใช้ปลูกผมทำให้ผมดกดำ เงางามมากขึ้น เพราะดอกอัญชันซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น และยังสามารถนำมาหุงข้าวให้มีสีสันสวยงาม โดยคั้นเป็นน้ำเพื่อให้ได้สีจากดอก2.เมล็ด สามารถใช้เป็นยาระบายอ่อนๆได้3.ราก ใช้บำรุงสายตา แก้ปัญหาตาฟาง ตาแฉะ โดยนำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหู หยอดตา(ควรทำในขั้นตอนให้สะอาด เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้) นอกจากนี้ยังนำรากมาต้มมาเป็นยาขับปัสสาวะได้ และยังใช้แก้อาการปวดฟัน โดยนำรากมาถูกับฟันประมาณ 1 นาทีแล้วบ้วนทิ้ง ข้อควรระวัง1.เป็นไม้เลื้อยที่มีอายุสั้น ควรพิจารณาในความต้องการของคุณว่าอยากปลูกเพื่อทำอะไร 5.พวงครามต้นไม้เลื้อยที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มักจะได้ยินชื่ออยู่เสมอ เป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ค่อยข้างทนแดด มีลำต้นที่แข็งแรง รากยืดเกาะดี แถมไม่ทำลายแนวรั้วหรือตัวบ้าน เพียงแค่มีโครงหรืออะไรก็ได้ให้เขาอยู่ ก็เพียงพอแล้ว พวงครามได้รับความนิยมในการนำมาประดับตกแต่งรั้วบ้านหรือทำเป็นซุ้มไม้เลื้อย มีลำต้นเถาเนื้อแข็ง สีน้ำตาลอ่อน สามารถแตกกิ่งก้านออกมาจากข้อของลำต้น ใบมีสีเขียวเข้มปนเทา รูปทรงรีหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบมีขนสากปกคลุม ในส่วนของดอกจะออกมาจากปลายกิ่งทอดย้อยลงมา เป็นช่อกระจุกแยกแขนงขนาดใหญ่ ดอกออกตลอดทั้งปี แต่ละหลุดร่วงได้ง่าย ในช่วงเดือน พ.ย.-ก.พ. วิธีปลูกและการดูแลการขยายพันธุ์สามารถทำได้ 2 วิธี ทั้งเพาะจากเมล็ด และ ตอนกิ่ง1.ควรมีคานหรือสิ่งที่ทำให้ต้นพวงครามสามารถเลื้อยออกไปได้ ต้องมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของต้นพวงครามได้ ยิ่งพวงครามเลื้อยและเติบโตได้เต็มที่ก็จะยิ่งออกดอกได้มากขึ้น 2.การเตรียมดิน ควรเป็นดินร่วนซุยผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เลือกปลูกในบริเวณที่เป็นกลางแจ้ง แดดส่องถึงตลอดทั้งวัน และมีความกว้างมากกว่า 1 เมตร ในช่วงแรกให้รดน้ำเป็นประจำทุกวัน พรวนดินให้ร่วนซุยอยู่เสมอ หลักจากผ่านไประยะหนึ่งก็ค่อยลดปริมาณการรดน้ำลงเหลือสัปดาห์ละ 2-3 วันครั้ง เพราะเป็นต้นไม้ที่สามารถทนแดดและทนความแล้งได้ดี ประโยชน์1.ดอก สามารถนำมาคั้นเป็นสีเพื่อทำขนม หรือนำสีที่ได้มาทำผ้ามัดย้อมจากธรรมชาติ2.ดอก ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดในสมอง ลดไขมันในเลือด และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยให้นอนหลับง่าย ข้อควรระวังในการใช้ดอกพวงคราม เพื่อเป็นยาในการบรรเทาโรคต่างๆ ควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์เกี่ยวกับข้องก่อนและไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป จะเห็นได้ว่าในภาพรวมของการปลูกไม้เลื้อยนั้นมีข้อควรระวังในเรื่องเดียวกันคือ ในไม้แต่ละชนิดต่างก็มีอัตราการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างเร็ว ทำให้ต้องหมั่นตัดแต่งกิ่งหรือใบทอยู่เสมอ นอกจากนี้ไม่เลื้อยเองจะไม่ค่อยชอบพื้นที่น้ำขังแฉะ ต้องมีดินที่ร่วนและระบายน้ำได้ดี โดยสิ่งเหล่านี้จะทำให้ไม้เลื้อยของเราเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยในการตกแต่งบ้านให้มีความร่มรื่นและน่าอยู่มากขึ้นอีกด้วย เครดิต รูปปกและภาพในการประกอบบทความ ตกแต่งโดย JJKK89/Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !