จงเป็นผู้ควบคุมชีวิตของตัวเอง เพราะโลกภายนอกมีปัจจัยรบกวนที่ทำให้เราควบคุมตัวเองให้อยู่ในครรลองของความสำเร็จได้ยาก หากไม่ฝึกฝนตัวเองให้ตั้งใจอยู่กับการพัฒนาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายแล้ว คงไม่มีวันได้ไปถึง ยุวสินธุ์ ตะวงษา (ไลอ้อน The Library) ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี บวกกับที่ตนเคยผ่านการฝึกฝนในฐานะนักเรียนทหารในหน่วยรบพิเศษ (หลักสูตรปฏิบัติการพิเศษอากาศโยธิน กองทัพอากาศ หรือ Commando, PJ and CCT) ที่ต้องผ่านบททดสอบในการพัฒนาตัวเอง ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 อาณาจักร ได้แก่นิสัย กาย จิตวิญญาณ ความคิด คน ชีวิต ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.เมื่อเราต้องการที่จะปกครองตัวเองให้มีประสิทธิผล สิ่งที่ ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด คือ “สมุดบันทึกประจําวัน หรือสมุดจด To Do List” เป็นสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่สามารถพกติดตัวได้ตลอดเวลา ในสมุดเล่มนี้จะบันทึกสิ่งสําคัญ 2 ประการ ได้แก่ 1. เป้าหมายสําคัญในชีวิตของเรา (เลือกได้ไม่เกิน 3 ข้อ) 2. สิ่งที่เราจะทําในแต่ละวัน (มีแค่ภารกิจสําคัญเท่านั้นที่จะเขียนลงไป) 2.สิ่งที่เราอ่านในวันนี้อาจจะถูกนําไปสร้างเป็น ความสําเร็จในอนาคตของเราได้อย่างไม่คาดฝัน ถึงแม้ดูเหมือน ว่าเราจะลืมเนื้อหาในวันนี้ไปแล้ว หรือโลกภายนอกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แท้จริงแล้วโลกภายในซึมซับทุกสิ่งเข้ามาและมีการ แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสําคัญในการหล่อหลอมนักรบแห่งชีวิต ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา และเมื่อเรามีความคิดดั่งยอดคน เราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกังขาและหวาดกลัว 3.คนที่มีร่างกายกำยำและสง่าผ่าเผยย่อมมีแนวโน้มที่จะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างมากขึ้น นั่นเป็นเพราะตามธรรมชาติทางสัญชาตญาณของสัตว์สังคมทำให้เราถูกขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุและผล และการมีร่างกายที่ดีย่อมไปกระตุ้นความรู้สึกทางสัญชาตญาณของมนุษย์ ดังนั้น หากไม่มีร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมแล้ว ความปรารถนาทั้งหมดทั้งมวลก็ยากที่จะได้รับการตอบสนอง ความสุขพร้อมความมั่นคงก็จะเปราะบาง เมื่อเจอปัญหาชีวิตก็ถูกสั่นคลอนได้ง่าย 4.ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบงานของตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะทำให้คุณรู้สึกสนุก คุณจะต้องเจอความล้มเหลวที่เค้นศักยภาพของตัวเองจนอาจรู้สึกอยากที่จะยอมแพ้ แต่ทั้งหมดก็แค่บททดสอบ คุณจะไม่ตายเพียงเพราะเงินหมดบัญชี คุณจะไม่ได้กลายเป็นคนไร้ค่าเพียงเพราะธุรกิจของคุณล้มละลาย คุณจะไม่ใช่คนที่ล้มเหลวเพียงเพราะเจออุปสรรคที่ยังหาทางออกไม่ได้ คุณแค่กำลังเจอบททดสอบและมีแค่ความอดทนเท่านั้นที่จะทำให้คุณไม่ล้มเลิกกลางคันเสียก่อน เพราะบางครั้งคุณก็ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่สำคัญกับชีวิต ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ดังนั้นความอดทน ขวัญกำลังใจ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเติมตลอดเวลา อีกคำสำคัญคือ “ชีวิตจะไม่มอบบทเรียนที่มากเกินกว่าความสามารถของคนคนนั้น” 5.บางครั้งคุณต้องเจอความลำบากยากเข็ญ เพื่อที่จะรู้ว่าความสะดวกสบายนั้นมีความหมายอย่างไร บางครั้งคุณต้องเจอหายนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อที่คุณจะได้รู้วิธีถ่อมตน บางครั้งคุณต้องเจอผู้คนนับไม่ถ้วนที่ไม่รู้ว่าอะไรคือจริงใจหรือเสแสร้ง เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าผู้คนในโลกช่างแตกต่าง และความเชื่อใจนั้นมีค่ามหาศาล 6.การพิชิตใจคนต้องใช้เครื่องมือ 2 อย่างคือ การฟัง กับ การตั้งคำถาม 7.สมรภูมิในช่วงเวลาคับขันที่ชี้ขาดระหว่างความเป็น กับความตาย การลังเลแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจถูกแปรเปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้และหายนะ การตัดสินใจจึงเป็นทางแยกสําคัญในชีวิต บางครั้งเหตุผลก็ไม่สามารถบ่งบอกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ การมีข้อมูล ล้นมือทําให้เราคิดจนเกิดความวิตกกังวล การรับฟังคนอื่นโดยไม่เคยกลับมามองความปรารถนาของตัวเองทําให้คนไม่กล้าออกไปทําสิ่งที่กล้าหาญเพราะความหวาดกลัว และเมื่อความหวาดกลัวเกิดขึ้น การกระทําต่อจากนั้นก็จะไร้ซึ่งประสิทธิภาพ 8.เมื่อเราลังเลสงสัยในตัวเอง สิ่งที่เราตั้งจุดมุ่งหมายจะทําได้ ไม่เต็มที่ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เป็นทางแยกสําคัญในชีวิต สัญชาตญาณ เท่านั้นที่จะเป็นตัวชี้นําให้เราไปในเส้นทางที่เหมาะสม แต่เมื่อใดก็ตามที่เราปล่อยให้การตัดสินใจนั้นยืดเยื้อ ก็เท่ากับ ว่าเราปล่อยให้โชคชะตาตัดสินใจแทนตัวเรา และเมื่อผลลัพธ์นั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าผลลัพธ์นั้นเราจะมองว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ทั้งหมดก็เกิดจาก การเลือกของตัวเราเองทั้งสิ้น เพราะเราคือผู้รับผิดชอบชีวิตของตัวเอง ดังนั้นการไม่ตัดสินใจก็นับว่าเป็นการตัดสินใจอย่างหนึ่งเช่นกัน 9.การฝึกความเงียบสงบสามารถทำได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการทำสมาธิ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่วยให้จิตใจของเราสงบ และสร้างพื้นที่สำหรับการไตร่ตรองและการตระหนักรู้ในตนเอง การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องซับซ้อน สามารถเริ่มต้นด้วยการนั่งเงียบๆเพียงวันละไม่กี่นาที และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาเมื่อเรารู้สึกสบายขึ้น และระหว่างทางขอให้เราระลึกถึงเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ“เราทำสมาธิเพื่อฝึกฝนสิ่งที่ฝึกได้ยากที่สุดในจักรวาล เฉกเช่นจิตวิญญาณ หากเราเป็นนายของสิ่งนี้ เราก็คือนายของทุกสิ่ง 10.ปรัชญาแห่งธรรมชาติสอนเราอย่างลึกซึ้ง เมื่อใดก็ตามที่แข็งกระด้างเกินไปหรือแสดงความโดดเด่นของตัวเองมากเกินไปก็อาจเสี่ยงต่อการถูกโค่นล้มหรือถูกตัดได้ เหมือนเช่นต้นสน ส่วนต้นหญ้า ถึงแม้จะอ่อนไหว ปรับตัวได้ดี และขยายอาณาเขตได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกกำจัดทิ้งได้โดยง่ายเพราะความอ่อนแอของรากและลำต้น ฉะนั้นต้นสนที่จะยืนหยัดได้นานคือต้นสนที่มีรากฝังแน่นลงดิน แต่ก็ยังสามารถเอนไหวตามลม ไม่ต่อต้านสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวมันเอง ต้นหญ้าที่จะอยู่ได้นานคือต้นหญ้าที่ไม่แสดงความเด่นออกมาเหนือต้นหญ้าต้นอื่นมากนัก เพราะมันอาจตกเป็นเป้าสายตา คือต้นหญ้าที่พร้อมจะโอนอ่อนไปตามกระแสลม และในขณะที่ยังมีชีวิต มันก็จะยังใช้เวลาไปกับการทำให้รากของตัวเองแข็งแกร่งและขยายอาณาเขตอยู่อย่างเงียบเชียบ 11.ชีวิตของเราต่างถูกกำหนดด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าอยู่ตลอดเวลา... บางคนอาจเรียกสิ่งนั้นว่า พระเจ้า จักรวาล ธรรมชาติ ไม่ว่าเราจะแทนที่ด้วยชื่อเรียกอะไรก็ตาม แต่มนุษย์ทุกคนล้วนรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง จึงเป็นภาพสะท้อนได้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะถูกกำหนดจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่รับรู้และสัมผัสผ่านความรู้สึกได้ บางสถานการณ์ บางผู้คน บางบทเรียนก็เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แต่กาลเวลาจะทำให้เรารับรู้ได้ถึงเหตุผลเหล่านั้นในวันใดวันหนึ่ง ความจริงส่วนหนึ่งที่ว่า ชีวิตนี้มีหลายสิ่งอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา แต่ทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าเราจะมีข้ออ้างที่จะไม่พึ่งพาตัวเองแต่อย่างใด เรื่องของโชคชะตาคือเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม ดังนั้น สิ่งที่อยู่ในการควบคุม เฉกเช่นความคิดและการกระทำของเรา สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราควรฝึกฝนและใส่ใจ และเมื่อนั้นโชคชะตาฟ้าดินจะทำให้คุณได้เก็บพืชผลอันหอมหวานจากการทำงานหนักในสักวันหนึ่ง 12.ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ต้องหมั่นเรียนรู้ แต่ความสําเร็จก็เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมรับมือเช่นกัน ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่นและการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองจะเป็นแนวทางที่ทําให้เรา ไม่ปล่อยให้ความสําเร็จนําพาให้เดินไปในเส้นทางที่ผิด เราจะวางตัวได้อย่างชาญฉลาดไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด โอกาสที่เราจะได้ฝึกความถ่อมตัวจะเข้ามาหาเราในแต่ละวันเสมอ 13.ในทุกครั้งที่ไม่รู้อะไร จงกล้าถามในทุกครั้งที่ผิดพลาด จงกล้าเอ่ยปากกล่าวขอโทษและรีบขอคําชี้แนะจากผู้รู้ ในทุกครั้งที่ประสบผลสําเร็จ จงขอบคุณผู้ที่สนับสนุนและบันดาลใจให้เรากล้าคิด กล้าลงมือกระทํากว่าเรา ในทุกครั้งที่ได้รับเสียงปรบมือ จงโอบรับอย่างเต็มใจ แต่ก็อย่าลืมว่าในโลกอันแสนกว้างใหญ่นั้น...ยังมีคนที่เหนือกว่า 14.ปัญหาที่แท้จริงของการไม่รู้จักตัวเอง จะแบ่งได้ 2 แบบ คือแบบแรกเกิดมาจากการที่บุคคลนั้นมีประสบการณ์ไม่มากพอ กับแบบที่สองคือบุคคลนั้นมีประสบการณ์มากเกินไป แต่ประสบการณ์ที่ว่าไม่ได้มาจากการตัดสินใจของบุคคลนั้นเสียเอง การมีประสบการณ์ที่ไม่มากพอมักจะเกิดขึ้นกับคนเพิ่งออกจากรั้วสถานศึกษาและกําลังเข้าสู่ชีวิตการทำงาน สําหรับบางคนโชคดีได้เจอ สิ่งที่ตัวเองทำได้ดีตั้งแต่ยังเด็ก แต่ยุคสมัยใหม่จะมีคนแบบที่สอง เยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ หากเรายังไม่รู้จักตัวเองย่อม ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด เพียงแต่เราแค่ต้องยอมรับความจริงที่ว่านี้ก่อน การค้นหาตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะธรรมชาติของการเป็นสัตว์สังคม เพราะเรามักจะแอบลอกเลียนแบบในสิ่งที่คนส่วนใหญ่กระทำโดยไม่รู้ตัว แถมทุกวันนี้เรายังถูกสังคมยัดเยียดนิยามของความสำเร็จมาให้โดยที่คุณไม่ได้ตรึกตรองว่านิยามความสำเร็จที่ว่านั้นเป็นความจริงหรือภาพลวงตา 15.หากคุณต้องการพิชิตใจคน คุณไม่ต้องใช้อำนาจ แต่คุณต้องมีอำนาจ อำนาจคืออิทธิพลที่คุณมีต่อผู้อื่นทั้งในด้านดีและไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น ความก้าวหน้าทางวิชาชีพของคุณขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าในที่ทำงาน ดังนั้นเขาย่อมเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการกำหนดโชคชะตาในเส้นทางอาชีพของคุณโดยอัตโนมัติ หากหัวหน้าคนนั้นเป็นคนดี มีคุณธรรม คุณก็จะรู้สึกดีที่ได้ร่วมงานด้วย แต่หากหัวหน้าคนนั้นเป็นคนหยิ่งผยองล่ะ หากคนที่กำหนดโชคชะตาของคุณนั้นเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าความต้องการของส่วนรวม และหากเป็นอย่างหลัง ก็บอกได้เลยว่าคุณจะกลายเป็นคนโชคร้ายที่ต้องรองรับอารมณ์ด้านลบของหัวหน้าคนนั้นอย่างไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการก้าวหน้าในงานนี้ คุณก็จำเป็นต้องยอมรับในตัวหัวหน้าคนนั้น เพราะเขามี “อำนาจ” ต่อชีวิตคุณไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย 16.ดีได้และเด่นให้เป็น ประโยคนี้อธิบายถึงการบริหารความสำเร็จในชีวิตได้อย่างชัดเจน การบริหารความดีเป็นสิ่งที่คุณทำได้ไม่จำกัด ส่วนการบริหารความเด่นเป็นศิลปะที่คุณต้องเอาชนะสัญชาตญาณความเหิมเกริมในตัวเองด้วยการ “ทำให้ผู้อื่นโดดเด่นด้วย”นี่คือคำตอบของการบริหารความเก่งและความเด่นในตัวคุณเมื่อคุณสามารถทำให้คนรอบตัวของคุณโดดเด่นขึ้นได้ คุณจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกทึ่งในความเป็นผู้นำ และที่สำคัญคือคุณจะยิ่งโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ไปกระตุกอารมณ์ด้านมืดของใครอย่างไม่จำเป็น 17.เราทุกคน (ทั้งคุณและตัวผมเอง) ต่างปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นตามสัญชาตญาณของสัตว์สังคม เวลาที่เราประสบความสำเร็จในเรื่องใหม่ เราก็อยากแสดงความเก่งของเราให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าเรามีความเชี่ยวชาญขนาดไหน บางครั้งเราอยากได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง จนเผลอทำตัวโดดเด่นด้วยการไปลดทอนแสงในตัวผู้อื่น(และอาจไปสร้างความไม่พอใจให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว) มันจึงกลายเป็นกฎเกณฑ์อันย้อนแย้งแห่งชีวิต จริงอยู่ที่ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เราเคยเข้าใจมาก่อนแล้ว แต่เล่มนี้ก็ได้ย้ำเตือนว่าเราอาจจะตั้งใจไม่มากพอหรือเปล่า เราเคี่ยวเข็ญตัวเองเพื่อพาชีวิตไปให้ถึงอย่างตั้งใจไว้จริงหรือไม่ สิ่งที่ผู้เขียนสื่อเป็นการผสมผสานระหว่างข้อเท็จจริงกับหลักแนวคิดปรัชญาแฝง โดยแก่นหลักของการชี้แนะคือการเคี่ยวเข็ญตัวเองเป็นหลัก ถือเป็นหนังสือพัฒนาตัวเองที่เน้นถึงความมีวินัยและความพยายามอย่างหนักแน่น แล้วเมื่อเอาชนะอุปสรรคมันได้ ชีวิตจะประสบความสำเร็จ เครดิตภาพ ภาพปก โดย Willemijn Doelman จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Nina Uhlikova จาก pexels.com ภาพที่ 4 โดย Daria Obymaha จาก pexels.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !