เป็นธรรมดาของทุกๆ ปี ที่เหล่าชายไทยจะต้องได้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการเมื่ออายุครบ 21 ปี การตรวจเลือกนี้จะถูกจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนของแต่ละปี ซึ่งในปี 2565 นี้ การตรวจเลือกจะถูกจัดขึ้นในช่วงวันที่ 1 - 20 เมษายน โดยทั่วไปแล้วการเข้ารับการตรวจเลือกนี้อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ทำกันมาตลอดระยะเวลาหลายปี เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ แต่สำหรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วยนั้น ก็อาจมีความกังวลในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับการเข้ารับราชการทหาร ไม่ว่าจะเป็นสภาพจิตใจหรือสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม รวมถึงการกลัวเสียโอกาสหรือเสียเวลาในด้านต่างๆวันนี้ หนวดหมีพาเที่ยวเดอะซีรี่ย์จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับใบรับรองแพทย์ ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) และรีวิวขั้นตอนในการขอใบรับรองนี้กันครับไม่อยากเป็นทหารทำไมถึงไม่เรียน รด.เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ไม่อยากเป็นทหารทำไมไม่เรียน รด.ล่ะ" หรือ "ไม่อยากเป็นทหารก็ไปเรียน รด.สิ" สำหรับตัวผู้เขียนเองมองว่ามันก็ถูกส่วนหนึ่งที่การเรียน รด.ทำให้ไม่ต้องไปเป็นทหาร แต่การเรียน รด.ก็ไม่ควรถูกมองว่าเป็นทางเลือกเพื่อที่จะเลี่ยงหรือการหนีจากเกณฑ์ทหารเพียงอย่างเดียว ผู้เขียนมองว่าการเรียน รด.มันอาจมีเหตุผลส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่มากกว่านั้น หรือถ้าใครมีความสะดวกหรือพึงพอใจที่จะเรียนเพื่อจุดประสงค์นี้ อันนี้แล้วแต่การตัดสินใจเลยครับ แต่สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้วถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากที่จะเลือกสักทางเลยไม่ว่าจะเป็นการเกณฑ์ทหารหรือเรียน รด.555555ถ้าไม่เรียน รด.แล้วทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องเป็นทหารจริงๆ แล้วจะว่าไปก็เหมือนไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะการที่เราเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ก็เหมือนได้รับการยกเว้นเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าการเป็น LGBTQ+ ของเราต้องได้รับการยืนยันด้วยเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นเหตุให้เราต้องมีใบรับรองแพทย์เกี่ยวกับ ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) อารมณ์แบบว่ามีใบมั้ยย!!ขั้นตอนการขอใบรับรองแพทย์ก่อนอื่นเลยเราจะต้องรู้ก่อนว่า ใบรับรองแพทย์ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) นี้ สามารถขอได้จากโรงพยาบาลไหนบ้างซึ่งรายชื่อของโรงพยาบาลในสังกัด ทบ. จำนวน 22 แห่ง ที่ทำการขอใบรับรองแพทย์นี้ได้ มีดังนี้ภาคกลางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (กรุงเทพฯ)โรงพยาบาลอานันทมหิดล (ลพบุรี)โรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ (ประจวบคีรีขันธ์)โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ (กาญจนบุรี)โรงพยาบาลค่ายอดิศร (สระบุรี)ภาคตะวันออกโรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ (ปราจีนบุรี)โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (นครนายก)โรงพยาบาลค่ายนวมินทราชินี (ชลบุรี)ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโรงพยาบาลค่ายสุรนารี (นครราชสีมา)โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ (อุบลราชธานี)โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน (สุรินทร์)โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม (อุดรธานี)โรงพยาบาลค่ายกฤษณ์สีวะรา (สกลนคร)ภาคเหนือโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พิษณุโลก)โรงพยาบาลค่ายจิรประวัติ (นครสวรรค์)โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี (ลำปาง)โรงพยาบาลค่ายกาวิละ (เชียงใหม่)โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช (เชียงราย)โรงพยาบาลค่ายพ่อขุนผาเมือง (เพชรบูรณ์)ภาคใต้โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ (นครศรีธรรมราช)โรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์ (สงขลา)โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร (ปัตตานี)โรงพยาบาลอานันทมหิดล จังหวัดลพบุรีโดยตัวผู้เขียนเองได้เดินทางไปขอใบรับรองแพทย์ที่ โรงพยาบาลอานันทมหิดล จังหวัดลพบุรี เพราะได้ยินมาว่าเป็นโรงพยาบาลที่ทำการขอใบรับรองแพทย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ง่าย และคุณหมอใจดีมาก ต่างจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ตัวผู้เขียนได้ไปขอในปีก่อนหน้านั้นที่มีความเข้มงวดในการตรวจค่อนข้างมาก เท่าที่สังเกตคือจะออกใบรับรองแพทย์ให้กับสาวประเภท 2 ที่มีลักษณะผมยาวหรือแต่งหญิงเท่านั้น ซึ่งตัวของผู้เขียนเองก็คือผมสั้นรองทรงกลิ่นอายมัธยมไม่ไหว555555 เป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษามากมาย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องคัดคนอย่างเข้มงวดในการเข้ารับการตรวจมากกว่าที่อื่นนั่นเองการขอใบรับรองแพทย์นี้ ขอได้ช่วงไหนการขอใบรับรองแพทย์ ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) นี้มีข้อจำกัดอยู่ว่า จะทำการขอได้แค่ช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งสำหรับการเกณฑ์ทหารในปี 2565 ที่ผ่านมา การขอใบรับรองแพทย์จะดำเนินการได้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.64 - 25 ก.พ.65 และคาดว่าในการเกณฑ์ทหารสำหรับปี 2566 ก็จะใช้ช่วงเวลาเดียวกันในการขอใบรับรองแพทย์นี้ (สามารถติดตามข่าวสารได้จากทางเว็บไซต์ของโรงพยาบาล)การเตรียมตัวสำหรับเดินทางไปโรงพยาบาลอานันทมหิดล จังหวัดลพบุรีต้องบอกก่อนว่า ทางโรงพยาบาลจะมีคิวให้จับสำหรับการตรวจเกี่ยวกับจิตเวชเพียง 10 คิวต่อวันเท่านั้น!! ซึ่งใน 10 คิวนี้จะไม่ได้มีแค่การตรวจภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) เพียงอย่างเดียว แต่เป็น 10 คิวที่รวมทุกอย่างเกี่ยวกับจิตเวชซึ่งแน่นอนว่าการจับบัตรคิวนี้ต้องอาศัยความเร็วและดวงเล็กน้อย และเนื่องจากบ้านของผู้เขียนอยู่จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ต้องออกเดินทางตั้งแต่กลางดึก (03.00 น.) เพื่อไปให้ทันการจับบัตรคิวของทางโรงพยาบาลซึ่งตอนที่ผู้เขียนเดินทางไปถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลา 05.30 น. ไปต่อแถวจับบัตรคิวก็ปาไปคิวที่ 6 แล้ว แต่ก็ยังถือว่าตัวเองโชคดีมากที่ยังได้คิว เพราะมีบางคนเดินทางมาไกลมากเช่นกัน แต่ก็ต้องเดินทางกลับไปเพราะทางโรงพยาบาลไม่มีคิวให้แล้ว หลังจากที่ได้คิวแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารของเรา พร้อมให้เรานำเอกสารนี้ไปส่งไว้ที่ตึกกองสุขภาพจิตและฟื้นฟูสมรรถภาพทหารเพื่อรอหมอเรียกตรวจอีกครั้งเมื่อถึงเวลา ก่อนการเรียกตรวจก็จะมีการตรวจร่างกายนิดหน่อย เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ความดัน เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกเป็นอย่างดีครับเอกสารที่ต้องเตรียมไป มีอะไรบ้างเอกสารที่ต้องเตรียมมาใช้เพื่อประกอบการพิจารณาตามที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ของทางโรงพยาบาล มีดังนี้สด.35 ตัวจริง พร้อมสำเนา จำนวน 1 ชุดสด.9 ตัวจริง พร้อมสำเนา จำนวน 1 ชุดบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุดรูปถ่าย ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 ชุดประวัติการรักษา และรับรองสำเนาทุกหน้า จำนวน 1 ชุดเอกสารสำคัญอื่นๆ เช่น ใบสำคัญการเปลี่ยน ชื่อ - สกุล เป็นต้น จำนวน 1 ชุดแต่สำหรับผู้เขียนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ต้องการตัวสำเนาทะเบียนบ้านด้วย ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่ได้เอาไป55555 แต่ยังดีที่มีไฟล์ PDF อยู่ในโทรศัพท์ เลยให้เจ้าหน้าที่เขาช่วยถ่ายเอกสารให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็น่ารักมากช่วยดำเนินการให้อย่างดีตอนเข้ารับการตรวจคุณหมอถามอะไรบ้างพอถึงคิวเราก็จะถูกเรียกเข้าไปในห้องตรวจ ซึ่งผู้เขียนเองได้เจอกับหมอที่เป็นผู้ชายอายุไม่เยอะมากด้วยหน้าคุณหมอใสมาก55555 ซึ่งบรรยากาศในการพูดคุยต้องบอกว่าเป็นกันเองและสนุกมากไม่มีความเครียดอะไรเลย จะเป็นในลักษณะเหมือนการนั่งพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนมากกว่า ซึ่งคำถามที่คุณหมอถามจะเริ่มจากให้เราเล่าชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน และก็จะมีคำถามประมาณว่า ให้อธิบายความแตกต่างของ เกย์ ตุ๊ด กะเทย ว่าแตกต่างกันอย่างไร แล้วที่เราเป็นอยู่เราเป็นแบบไหน เท่าที่ฟังจากคนก่อนหน้าที่เข้ารับการตรวจคือ ห้ามตอบว่าเป็นเกย์ ก็แน่นอนสิคะว่าพอเป็นคิวของผู้เขียนเองแล้ว ดิฉันก็ได้ทำการสวมวิญญาณสาวผมยาวถึงกลางหลังเข้าไปเลย5555555 แต่สิ่งที่คุณหมอต้องการที่สุดคือ รูปถ่ายตอนเราแต่งตัว อาจเป็นการแต่งหญิง หรือ ถ้าไม่แต่งหญิงอย่างตัวผู้เขียนเอง ก็จะเป็นรูปตอนแต่งตัวในกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเราใช้ชีวิตแบบเพศที่ 3 ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้เขียนเองนั้นก็มีเป็นอัลบั้มค่าาาา555555 และในที่สุดคุณหมอก็ได้ทำการยืนยันว่าเรามีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) จริง ดังนั้นนะคะ ก็รับบทเลอออ❤️การตรวจใช้ระยะเวลานานแค่ไหนเริ่มตั้งแต่ได้คิวเวลา 05.30 น. ตรวจเสร็จจริงๆ คือเกือบ 12.00 น. ขึ้นอยู่กับแต่ละคิวด้วย ซึ่งเวลาทั้งหมดเสียไปกับกระบวนการดำเนินงานซึ่งต้องบอกว่าไม่รู้สึกแปลกใจ แหะๆ แต่ระยะเวลาที่ได้นั่งคุยกับหมอใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งหลังจากตรวจเสร็จก็จะออกมาจัดการเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้เขียนเองจำไม่ได้มากต้องขออภัยด้วยครับ แต่ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่ 350 บาท ซึ่งตัวเลขนี้รวมค่าจัดส่งเอกสารไปยังที่บ้านแล้ว ใช่ครับ ตัวเอกสารใบรับรองแพทย์จะไม่ได้ในทันทีแต่จะได้หลังจากวันที่เราไปตรวจประมาณ 20 วัน ผ่านการจัดส่งของทางไปรษณีย์ไทยเราจะได้เอกสารการรับรองอะไรกลับมาบ้างเมื่อเอกสารจัดส่งถึงบ้านแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือเช็คความถูกต้องของเอกสาร ทุคนยังจำเอกสารที่เราเตรียมไปตอนแรกได้หรือไม่ ซึ่งเอกสารเหล่านั้นทางโรงพยาบาลจะส่งกลับมาพร้อมกับใบสำคัญความเห็นของแพทย์ และเอกสารการรับรองจากทางโรงพยาบาล ซึ่งเราต้องใช้เอกสาร 2 ใบนี้ในวันเกณฑ์ทหาร (ทางโรงพยาบาลจะเย็บเอกสารมาให้เป็นชุดอย่างเรียบร้อย)ต่อมาเรายังต้องเช็คความถูกต้องของการรับรองในเอกสาร ซึ่งการรับรองต้องระบุว่า ตัวเราเป็นภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Identity Disorder) ตามอ้างถึง จริง ถ้าระบุมานอกเหนือจากนี้ จะถือว่าใช้ไม่ได้ทันที ซึ่งต้องทำการติดต่อกับทางโรงพยาบาลเพื่อแก้ไข หรือร้ายแรงกว่านั้นอาจต้องกลับไปดำเนินการใหม่ในปีถัดไป สำหรับตัวผู้เขียนเองถือว่าไม่มีปัญหาอะไรเพียงเท่านี้เราก็มีเอกสารที่จะนำไปใช้ยืนยันเพศสภาพของเราในวันเกณฑ์ทหารแล้วครับทั้งหมดนี่ก็เป็นการรีวิวจากตัวของผู้เขียนเอง ซึ่งบทความนี้ก็เป็นบทความแรกที่ผู้เขียนได้ลองเขียนเล่าประสบการณ์ของตนเอง หากมีข้อผิดพลาดประการใดหรือความไม่ถูกต้องในการใช้ภาษาต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ผู้เขียนเพียงแค่อยากให้ได้อรรถรสในการอ่าน หลังจากนี้ผู้เขียนจะพยายามหาคอนเทนต์หรือนำประสบการณ์ต่างๆ มาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกันอีกครับ ยังไงก็ฝากติดตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ🙏🙏เครดิตภาพปก : Canva และ ผู้เขียนเครดิตภาพประกอบ : 1.โรงพยาบาลอานันทมหิดล 2.Google Maps 3.โรงพยาบาลอานันทมหิดล 4.ผู้เขียน 5.ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !