รีเซต

'ชัยวุฒิ' เตือนระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาละวาดหนัก ล่าสุดหลอกพ่อดาราสูญเงินกว่า 1.35 ล้าน

'ชัยวุฒิ' เตือนระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาละวาดหนัก ล่าสุดหลอกพ่อดาราสูญเงินกว่า 1.35 ล้าน
มติชน
18 มกราคม 2565 ( 18:33 )
59
'ชัยวุฒิ' เตือนระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาละวาดหนัก ล่าสุดหลอกพ่อดาราสูญเงินกว่า 1.35 ล้าน

ข่าววันนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้รับข้อร้องเรียนจาก นายสุขพัฒน์ โล่วัชรินทร์ (ส้วม-สุขพัฒน์) นักแสดงและผู้เขียนบท ว่าได้รับความเสียหายจากการถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงคนในครอบครัวให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 1,350,000 ล้านบาท

 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชน ขณะเดียวกันในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) จะเร่งรัดติดตามคดี และติดตามเงินมาคืนให้ได้ถึงที่สุด และอีกเรื่องคือ บัญชีม้าหรือบัญชีที่ถูกนำมาใช้หลอกลวงต้องรีบอายัดให้เร็วที่สุด แต่ก็มักไม่ทันเพราะจะถูกโอนต่อไปภายใน 1-2 นาที โดยกำลังหาแนวทางร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้สามารถอายัดบัญชีได้เร็วขึ้น

 

 

“อยากฝากสื่อมวลชนช่วยแจ้งเตือนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนด้วย โดยช่วงนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักมาก เพราะรู้ว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการกวาดล้าง พวกแก๊งเหล่านี้จึงรีบทำงานหนัก ก่อนถูกกวาดล้างจับกุม และอยากเตือนประชาชนว่า ข้อแรกอย่าเชื่อ โดยปกติไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐโทรหาเพื่อให้ประชาชนนำเงินมาตรวจสอบ ปัจจุบันปัญหาคือ มีการโอนเงินได้ง่าย สิ่งสำคัญคือ ควรมีคำเตือนในระบบแอพพลิเคชั่นให้ หากสงสัยให้สอบถามหน่วยงานก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆ” นายชัยวุฒิกล่าว

 

ด้านผู้เสียหาย นายสุขพัฒน์ โล่วัชรินทร์ (ส้วม) กล่าวว่า โดยส่วนตัวเคยได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบนี้มาก่อน แต่ไม่เคยโอนเพราะศึกษาข้อมูลมาก่อน จึงไม่เคยหลงเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้แจ้งเตือนที่บ้านก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และอีกสาเหตุที่คุณพ่อของตนหลงเชื่อ เพราะผู้โทรอ้างตัวว่าเป็นพนักงานจากบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่คุณพ่อเป็นลูกค้าอยู่ โดยกล่าวอ้างว่าพบการไปเอาประกันสินไหมโควิดที่ภูเก็ต และบัญชีมีความเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด

 

 

โดยมิจฉาชีพเกลี้ยกล่อมว่าคุณพ่ออาจถูกแอบอ้างชื่อ พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ปลอมแปลงมาให้ดูทางไลน์ หลอกลวงจนหลงชื่อยอมโอนเงินไป โดยอ้างว่าเพื่อตรวจสอบ ซึ่งมีข้อน่าสงสัยคือ บัญชีเป็นชื่อตัวบุคคล โดยทำการโอน 3 ครั้งจนหมดบัญชี รวมยอดเงิน 1,35,000 บาท ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจ

 

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง (1) มิได้กระทําต่อประชาชน แต่เป็นการกระทําต่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ผู้กระทํา ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง