"Puma" ปรับกลยุทธ์ ลดพึ่งจีน หวั่นพิษ "ภาษีทรัมป์" l การตลาดเงินล้าน

Puma แบรนด์กีฬาระดับโลกจากเยอรมนี ประกาศปรับโครงสร้างซัพพลายเชน โดยลดสัดส่วนการนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาจากจีนอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และอาจมีการขึ้นราคาสินค้าในตลาดอเมริกา หากคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Adidas และ Nike ดำเนินการก่อน

Markus Neubrand ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Puma เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินค้าที่ส่งจากจีนไปยังสหรัฐฯ เพียงร้อยละ 10 ของยอดรวม และยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยแหล่งผลิตสำคัญในขณะนี้ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย

Puma ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้บริหาร หลังแต่งตั้งนาย Arthur Hoeld อดีตหัวหน้าฝ่ายขายของ Adidas ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ มีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหายอดขายที่ชะลอตัว และส่วนแบ่งการตลาดที่ถูกแย่งชิงโดยคู่แข่ง

ในไตรมาสแรกของปี 2025 Puma รายงานยอดขาย ประมาณ 2.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ( 2 พัน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 จากปีก่อนหน้า แต่ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย หุ้นของบริษัทจึงขยับขึ้นร้อยละ 8 แม้จะยังลดลงกว่าร้อยละ 43 ตั้งแต่ต้นปี

แม้จะมีแรงกดดันจากยอดขายส่งที่ลดลงร้อยละ 3.6 ในสหรัฐฯ และจีน แต่ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ Puma กลับเติบโตถึงร้อยละ 12 คิดเป็นรายได้ 546.5 ล้านยูโร ( 546 ล้าน 5 แสนยูโร) อีกทั้งบริษัทได้เร่งส่งสินค้าล่วงหน้าเข้าสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีที่จะมีผลในอนาคต ทำให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีที่ผ่านมา

ด้านการควบคุมต้นทุน Puma เตรียมลดตำแหน่งงานในระดับองค์กรทั่วโลก 500 ตำแหน่งภายในสิ้นไตรมาสที่ 2 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินท่ามกลางความท้าทายจากตลาดโลก