แม่หนุ่มเหยื่อ ส.ต.อ.ปืนดุ ร้องนายกฯ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม คาใจกองปราบไม่รับเรื่อง ชี้ไม่ซับซ้อน
แม่หนุ่มเหยื่อ ส.ต.อ.ปืนดุ ร้อง ‘นายกฯ’ หวั่นไม่ได้รับ ค.เป็นธรรม เหตุเป็นคนธรรมดา อีกฝ่ายเป็น ตร. คาใจ จนท.อ้างคดีไม่ซับซ้อน ไม่ต้องถึงมือกองปราบฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 มกราคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นางจันทร์เพ็ญ สิทธิบุ่น มารดา ของนายปิยะพงษ์ รุ่งวิทยาพล เจ้าหน้าที่องค์การเภสัชกรรม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ยิงเสียชีวิต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม 2563 บริเวณหน้า สน.ดุสิต ได้ยื่นหนังสื่อร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว
อ่านข่าว : รัวยิงดับ! ตำรวจนอกเครื่องแบบ ลั่นไกปลิดชีพคู่กรณีคาหน้าโรงพัก คืนฉลองปีใหม่
– แจ้ง 3 ข้อหาหนักกับตร.ปืนดุยิงจนท.องค์การเภสัชกรรม ดับหน้าสน.ดุสิต
นางจันทร์เพ็ญกล่าวว่า ตนอยากขอความอนุเคราะห์นายกรัฐนตรีช่วยพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทางครอบครัวของ เนื่องจาก ส.ต.อ.ธีรยุทธ จันทร์คง ผู้ก่อเหตุ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางครอบครัวจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรม ด้วยคดีถือว่าเป็นคดีร้ายแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงผู้อื่นตายโดยเจตนา ทางผู้บัญชาการของผู้ต้องหากับมีคำสั่งแค่ย้ายไปช่วยราชการที่อื่น ไม่ได้มีการพักราชการหรือออกจากราชการใดๆ และผู้บังคับบัญชายังบ่ายเบี่ยงที่จะให้คำตอบที่ชัดเจนว่าเอาผิดวินัยร้ายแรงตำรวจผู้ก่อเหตุอย่างไร
นางจันทร์เพ็ญกล่าวว่า ทางครอบครัวจึงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่สบายใจ จากชุดสืบสวนคดีชุดนี้ ทั้งได้มีการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชุดสืบสวนใหม่ ก็เหมือนกับไม่มีผล เพราะชุดสืบสวนใหม่ทั้งหมดส่วนใหญ่ก็เป็นชุดสืบสวนจาก สน.ดุสิต อยู่ดี
นางจันทร์เพ็ญกล่าวอีกว่า ในวันเกิดเหตุ พยานไปขอแจ้งความพยายามฆ่า แต่ทาง สน.ดุสิตกลับไม่รับแจ้งความพยายามฆ่าทุกกรณี ทางครอบครัวของตนจึงขอความอนุเคราะห์และความเห็นใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยพิจารณาให้ความเป็นธรรม และดำเนินการให้เร็วที่สุด
“หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะไปเดินหน้าเรียกร้องต่อสื่อมวลชนไปเรื่อยๆ เพราะขณะนี้ทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ ไม่มีการขอโทษหรือแสดงความเสียใจแต่อย่างใด ส่วนที่อีกฝ่ายระบุว่าจะนำวิดีโอที่อ้างว่าลูกชายตนเป็นฝ่ายทำร้ายมาเผยแพร่ให้สื่อนั้น ก็ขอให้ไปว่ากันในชั้นศาล เพราะเป็นภาพที่ได้มาจากตำรวจ
“เมื่อแม่จะไปร้องที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ชี้แจงว่าคดีไม่ได้มีความซับซ้อน จึงไม่ต้องถึงกองปราบ ซึ่งแม่ก็สงสัยและคาใจว่าเป็นเพราะอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะว่าแม่เป็นคนธรรมดา แต่อีกฝ่ายเป็นตำรวจ” นางจันทร์เพ็ญกล่าว