มีใครเคยขี้เกียจบ้างครับ บอกมาตรงๆเลยนะอย่าโกหกผม คุณเองก็เคยใช่ไหมละ ผมเองก็เคยผมยอมรับ แล้วมันผิดไหม คุณคิดเห็นว่ายังไงครับ หลังจากอ่านบทความนี้คุณอาจรู้คำตอบนะก่อนอื่นผมชวนมาทำความรู้จักกับเจ้าความขี้เกียจเสียก่อน โอ๊ะ!อะไรนะ คุณรู้จักดีอยู่แล้วหรือ ไม่หรอกยังมีลึกกว่านั้นครับความขี้เกียจในความหมายที่เข้าใจง่ายก็คือ อาการที่คุณไม่อยากจะทำสิ่งๆหนึ่งหรือทุกสิ่งเลยก็ได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสำคัญมากแค่ไหนก็ตาม และคุณยังสามารถขี้เกียจได้ แทบจะทุกช่วงเวลาของวัน ยกเว้นตอนหลับไปแล้วน่ะนะแต่คุณลองมองให้ลึกลงไปอีกครับ ว่า การที่คุณขี้เกียจอาจจะเพราะความรู้สึกอื่นๆบังคับอยู่หลังม่านก็ได้นะ ฟังก่อนๆไม่ใช่ข้ออ้างสักหน่อยผมขอยกตัวอย่าง คุณอาจจะขี้เกียจไปทำงานเพราะความรู้สึกลึกๆแล้วคุณกลัวหัวหน้าแผนกที่ชอบติคุณต่อหน้าเพื่อนๆก็จนทำให้คุณอับอาย หรืออีกอย่างลูกของคุณอาจจะขี้เกียจไปโรงเรียนเพราะมีเพื่อนคนหนึ่งชอบแกล้งลูกของคุณอยู่เป็นประจำก็ได้ทำนองนั้นครับบางครั้งคุณอาจเลือกที่จะทำตัวอืดอาดยืดยาด หรือยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดเพราะความรู้สึกเหล่านี้ก็ได้ครับ ตัวอย่างเรื่องงานคุณกลัวที่จะทำพลาดและไม่กล้าที่จะทำ แต่สุดท้ายกลับพบว่าไม่มีทางหนีพ้น คุณก็ต้องทำในที่สุด ผมเองก็ไม่ต่างกันครับ ลองนึกหรือยังครับว่าลึกๆแล้วมีความรู้สึกบางอย่างนอกจากความขี้เกียจแฝงอยู่หรือเปล่าแล้วความขี้เกียจเนี้ยมันมาจากไหน รู้หรือเปล่าว่ามันมาจากมนุนย์ยุคไดโนเสาร์นู้นเลยนะ อะไรนะ!อย่าพึ่งตกใจครับ ผมจะเล่าให้ฟัง ก่อนอื่นต้องเล่าเรื่องการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องก่อน คือมีการทดลองมาแล้วในทางวิทยาศาสตร์ ว่าความขี้เกียจส่งผ่านยีนจากรุ่นสู่รุ่นได้ จากการทดลองในหนูทดลอง แล้วเกี่ยวอะไรกับมนุษย์ยุคไดโนเสาร์ละ พวกเขาเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาวงั้นหรือ ไม่ใช่สะทีเดียวครับ เพราะความขี้เกียจของพวกเขามันมีเหตุผลประกอบเหตุผลที่ยกมาประกอบนั้นง่ายแสนง่าย คือพลังงานในสมัยดึกดำบรรพ์(อาหาร)เป็นสิ่งที่หายากเพราะมนุษย์ในยุคนั้นออกล่าสัตว์เป็นหลัก และอย่างที่รู้กันว่ากว่าจะล่าสัตว์ใหญ่ตัวหนึ่งได้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย แถมรอบกายก็ไม่ได้จะปลอดภัยเหมือนทุกวันนี้ อันตรายที่อยู่รอบข้างสามารถเอาชีวิตของพวกเขาไปได้หากไม่ระวังตัวมากพอ เป็นเหตุทำให้ร่างกายต้องหยุดการกระทำบางอย่างที่ไม่สำคัญมากนักเพื่อรักษาพลังงานเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเอาชีวิตรอดนั้นเองผมเดาว่าทุกคนคงกำลังพูดว่า เอ๊ะ!กี่ร้อยกี่พันล้านปีแล้วเนี้ย ส่งต่อมาเรื่อยๆเลยหรอ หยุดเถอะ เดี๋ยวก่อนๆ ความขี้เกียจเนี้ยมันร้ายกาจก็จริงแต่เราก็พอหาข้อดีของมันได้บ้างนะครับ แต่ถ้าวัดกันตามตรงก็ต้องยอมรับแหละว่าข้อเสียมันมากกว่า งั้นก่อนอื่นเรามาคุยกันเรื่องข้อเสียและวิธีกำจัดความขี้ก่อนดีกว่าครับ ค่อยปิดท้ายด้วยข้อดีเล็กๆของมันหลักๆเลยเนี้ย ความขี้เกียจจะทำให้เราโดนทั้งแม่และภรรยาบ่นเอาได้ครับ ล้อเล่นครับ (แต่สำหรับหลายคนมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง) จริงๆแล้วผมมองว่าความขี้เกียจมักจะทำให้เราพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไปอย่างน่าเสียดายครับ โอกาสดีๆสิ่งดีๆไม่ได้วิ่งมาหาเราแต่เพียงผู้เดียวในขณะเดียวกันมันก็ไม่หยุดอยู่กับที่รอเราด้วย ผมมองว่ามันวิ่งไปเรื่อยๆมากกว่า อยู่ที่ใครจะมองเห็นและคว้าโอกาสนั้นไว้ ถ้าคุณขี้เกียจรู้ตัวอีกทีมันคงอยู่ต่อหน้าใครสักคนที่ไม่ใช่คุณ และความขี้เกียจจะสร้างผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณทำตัวเช่นนั้นครับส่วนวิธีจัดการมัน ไม่ง่ายครับ ต้องทำไปทีละอย่างก่อนอื่นเลิกพูดคำนี้ไปเสียที อย่าพูดว่าฉันเองเป็นคนขี้เกียจ หยุดเลย ถ้าพูดต้องหยอดกระปุก5บาทเป็นการทำโทษตัวเองต่อมามีเป้าหมายและนึกภาพให้ออกด้วยถึงผลลัพธ์เมื่อทำเป้าหมายสำเร็จ ข้อสำคัญคือเป้าหมายเพราะมันคือแรงขับที่จะพาเราหลุดพ้นจากหลุดแห่งนี้ไปได้ แล้วเป้าหมายและผลลัพธ์ที่กล่าวมาคืออะไร ยกตัวอย่างคุณอยากจะเก็บกวาดห้องรกๆของคุณเพราะนัดกับแฟนสาวไว้ในวันสุดสัปดาห์เธอจะได้นอนตักคุณดูทีวีซีรีส์แทนที่จะต้องบ่นให้คุณฟังเพราะของที่กระจัดกระจายในห้องของคุณอะไรคือเป้าหมาย หนึ่งเลยเก็บกวาดห้องให้สะอาด สองไม่ให้แฟนบ่นคุณและให้เธออารมณ์ดีๆ อะไรคือผลที่จะเกิดหากคุณทำเป้าหมายสำเร็จ คุณก็จะได้ห้องสะอาดๆสบายตา ที่สำคัญแฟนคุณจะนอนหนุนตักคุณดูซีรีส์ที่คุณและเธอชอบ สุดสัปดาห์นั้นจะจบลงด้วยความสุขนี้และครับวิธีกำจัดความขี้เกียจ เลิกพูดคำๆนั้น และมีเป้าหมายตามด้วยนึกภาพผลลัพธ์จบแล้วครับ ข้อเสียและวิธีกำจัดความขี้เกียจที่คุณของมองว่าเป็นตัวร้ายออกไป ต่อมาผมขอกล่าวถึงข้อดีของมันบ้างแล้วก็แม้จะไม่มานักผมมองว่า เราทุกคนสามารถขี้เกียจได้ครับ อย่าพึ่งยิ้มครับๆ ผมหมายถึงในบางเวลาเท่านั้น ผมถามว่ามีใครที่จะขยันตลอดเวลาได้บ้างครับ สุดท้ายแล้วแม้ใจจะขยันขนาดไหนแต่ร่างกายกับสมองก็ต้องการที่จะพักผ่อนอยู่ดี ฉะนั้นอนุญาตให้ตัวเองขี้เกียจสักวันก็ดีนะครับ นอนดูซีรีส์หรืออ่านนิยายไปทั้งวันก็ยังได้ ให้ร่างกายและสมองได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง เพลินเพลินไปกับความสุขและดื่มดํ่ามันให้เต็มที่ชาร์จพลังไปในตัว หากนานๆครั้งคงไม่เสียหายอะไรนักหรอกครับ แถมยังจะดีต่อตัวคุณด้วยสุดท้ายแล้วแม้ข้อเสียจะมากกว่าข้อดี แต่ก็ใช่ว่าเจ้านี้มันจะเลวร้ายจนต้องกำจัดให้สิ้นซาก หากคุณใช้มันให้เป็นดึงมันออกมาบ้างเวลา ขังมันเอาไว้บ้างเวลา เท่านี้มันก็จะให้ประโยชน์มากกว่าโทษแล้วครับขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้ หากเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านผมเองจะรู้สึกดีใจมากเลยครับภาพหน้าปกMiriam Alonso/pexelsภาพที่1โดยtookapic/pixabayภาพที่2โดยmohamed_hassan/pixabayภาพที่3โดยUnifiArt/pixabayภาพที่4โดยAndrea Piacquadio/pexels *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565