รีเซต

สาวใจเด็ด เผชิญหน้าโจรพกปืนนับชั่วโมง ใช้สติกล่อม จนโจรยอมกราบเท้า

สาวใจเด็ด เผชิญหน้าโจรพกปืนนับชั่วโมง ใช้สติกล่อม จนโจรยอมกราบเท้า
มติชน
22 ธันวาคม 2564 ( 17:24 )
85
สาวใจเด็ด เผชิญหน้าโจรพกปืนนับชั่วโมง ใช้สติกล่อม จนโจรยอมกราบเท้า

ข่าววันนี้ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดภายในร้านกุ้งโมบาย จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และซ่อมมือถือ ตั้งอยู่เลขที่ 20/29-30 ถนนท่ากลาง ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ สองชั้น ได้บันทึกภาพขณะเกิดเหตุการณ์คนร้าย คือนายวรวัฒน์ สุทธิคณะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 2 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง สวมหมวกแก๊บ และใช้เสื้อผ้าปิดบังใบหน้า งัดหลังคากระเบื้องด้านหลังร้าน เข้ามาในตัวร้าน และได้งัดบานประตูกระจกอลูมิเนียม ก่อนเข้ามายังบริเวณส่วนที่จำหน่ายมือถือ พร้อมทั้งใช้ไม้กวาด ผลักกล้องวงจรปิดจำนวนกว่า 10 ตัว ส่องขึ้นบนเพดาน เพื่อไม่ให้บันทึกภาพได้

 

ซึ่งขณะนั้นได้มี น.ส.อรอุมา ชุ่มชื่น หรือกุ้ง อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน นอนหลับอยู่ภายในห้องเก็บสินค้าชั้น 1 พร้อมด้วยลูกชายวัย 7 ขวบ หลังจากนั้นกล้องวงจรปิดภายในห้องเก็บสินค้าได้บันทึกภาพต่อเนื่อง คนร้ายได้งัดประตูห้องดังกล่าว ก่อนที่จะไปพบกับสองแม่ลูก

 

ทำให้ผู้เป็นแม่ ตกใจตื่น และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังคงมีสติ พูดคุยกับคนร้าย ซึ่งถืออาวุธปืนลูกซองพกสั้น ไทยประดิษฐ์ พร้อมเครื่องกระสุนติดมือมาด้วย โดยคนร้ายถามว่าเคยไปติดหนี้ หรือไปมีเรื่องกับใครไว้บ้าง และได้ติดหนี้นอกระบบหรือไม่ ซึ่งกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพและเสียงไว้ได้ทั้งหมด โดยที่เจ้าของร้านได้ยินยันว่าไม่ได้ติดหนี้นอกระบบ หรือมีปัญหากับใคร

 

ก่อนที่คนร้ายจะเข้ามาพูดคุย และบอกว่ามีคนใช้ให้มา ทำงานทวงหนี้เจ๊ จากนั้นคนร้ายเดินเข้าออกจากห้องเก็บสินค้าประมาณ 4-5 รอบ และได้มานั่งพูดคุยกับเจ้าของร้าน ซึ่งคนร้ายบอกว่าน่าจะมาผิดคน และขอโทษเจ้าของร้าน พร้อมทั้งกราบเท้า และสั่ง อย่าแจ้งตำรวจ

 

ก่อนที่คนร้ายจะเดินออกไปรื้อค้นเอาเศษเหรียญจำนวนกว่า 3,000 บาท จากลิ้นชักไป และรื้อเอาโทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่องไปด้วย และคนร้ายได้โทรหาบุคลต้องสงสัยบอกว่า ให้ทำยังไงต่อ ซึ่งเจ้าของร้านได้ไปยื่นหน้าที่ประตูหน้าห้อง และพูดคุยกับคนร้ายว่าทำไมไม่กลับ จะหาอะไร

 

ทันใดนั้นคนร้ายได้เข้ามาในห้องและใช้อาวุธตบเข้าไปที่ขมับซ้าย 1 ครั้ง จนเลือดอาบ ก่อนที่คนร้ายจะไปรื้อค้นและสั่งให้เอาทองมา ทองอยู่ไหน ก่อนจะเอาโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 12 โปรแม็ก 1 เครื่อง เงินสดในกระเป๋าจำนวนหนึ่ง ก่อนจะออกจากบ้านหลบหนีไป ซึ่งระยะเวลาที่คนร้ายอยู่ในบ้าน และพูดคุยกันกว่า 1 ชั่วโมง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

ขณะที่ น.ส.อรอุมา  เจ้าของร้าน เล่าว่า หลังจากคนร้ายถูกจับกุม ความรู้สึกตนและชาวบ้านในละแวกนี้ ยังติดใจอยู่ว่าทำไมตำรวจไม่ขยายผลต่อว่าคนร้ายรายนี้ทำงานให้ใคร ถูกใครสั่งให้เข้ามาในร้านของตน ซึ่งจากการดูพฤติการณ์คนร้ายแล้ว รู้ดีว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหน และคนร้ายพยายามโทรคุยกับบุคลที่สามอยู่ตลอด ซึ่งตนเชื่อว่าต้องมีคนสั่งมา

 

ที่ผ่านมาตนไม่เคยติดหนี้นอกระบบ มีเพียงหนี้ที่กู้ยืมมาจากธนาคารเท่านั้น ส่วนศัตรู ไม่เคยมีใครนอกจากลูกน้องซึ่งเป็น 2 สามีภรรยา ที่เคยทำงานอยู่ที่ร้าน ได้ยักยอกเงินไปจำนวนหนึ่ง ทำให้ตนไล่ออกไปทั้งสองคน ประกอบกับเช้าหลังจากเกิดเหตุ ลูกน้องคนดังกล่าวได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ที่ตนโดนคนร้ายเข้าขโมยและทำร้ายร่างกาย พร้อมทั้งเขียนข้อความลักษณะพอใจ และดีใจกับการที่ตนโดนทำร้าย

 

น.ส.อรอุมา เล่าต่อว่า ซึ่งแปลกใจว่าทำไมเขาถึงรู้ทั้งที่ช่วงเวลานั้น ยังไม่มีใครรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ และคนร้ายรายดังกล่าวยังเคยไปคอมเมนต์เฟซบุ๊กของอดีตลูกน้องด้วย ซึ่งตนคิดว่าน่าจะรู้จักกัน และอาจจะมีความโกรธแค้นเลยให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ เลยอยากให้ตำรวจขยายผลตามหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี

 

ไม่อยากจับคนร้ายไปแล้วก็ปิดคดีเลย เพราะตอนนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับตนเองเป็นอย่างมาก ส่วนตนขณะเกิดเหตุยอมรับว่าตกใจเป็นอย่างมาก แต่พยายามตั้งสติและใจเย็น และปกป้องลูกให้ได้มากที่สุด โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิง เพียงแค่ใช้ปืนตบศีรษะเย็บ 4 เข็ม และหลังจากเกิดเหตุตนได้โทรศัพท์มือถือคืนกลับมา 1 เครื่อง โดยติดตามได้จากแอพพ์โทรศัพท์ หลังจากคนร้ายนำไปซุกซ่อนไว้ในป่า

 

เบื้องต้นคนร้ายได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และควบคุมตัวดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามหมายจับ ศาล จ.ตรัง ที่ 311/2564 ลงวันที่ 15 ธ.ค. ฐานความผิดชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาไปโดยไม่มีเหตุอันควร ทำร้ายร่างกายผู้อื่น บุกรุกในเคหะสถาน พร้อมด้วยของกลาง 1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก 2.เครื่องกระสุนเบอร์ 12 จำนวน 2 นัด 3.เครื่องกระสุนขนาด .45 มม.จำนวน 1 นัด 4.แม็กกาซีน เอ็ม 16 จำนวน 1 ซอง 5.กระสุนปืนขนาด 5.56 มม.21 นัด ซึ่งคาดว่ากระสุนปืน 5.56 ซึ่งใช้กับอาวุธปืน เอ็ม 16 น่าจะได้มาจากการขโมย

 

ส่วนประวัติผู้ต้องหา เคยติดคุกคดีลักทรัพย์ 3-4 ปี และได้พ้นโทษออกมาช่วงเดือน ก.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากพ้นโทษมา ได้ก่อเหตุขโมยรถซาเล้ง ภายในกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ตรัง ขโมยของในโชว์รูมกระเบื้อง จ.ตรัง ขโมยของภายในบ้านพักบ้านพักพนักงานการประปาส่วนภูมิภาค จ.ตรัง และเข้าก่อเหตุลักทรัพย์และทำร้ายร่างกายที่ร้านขายมือถือดังกล่าว ก่อนจะถูกจับกุม

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง