ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึงเหล้า เบียร์ เป็นอันดับต้น ๆ จนมองข้ามเครื่องดื่มอย่างค็อกเทล เพราะอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงน้ำหวานอัดแก๊สที่เหมาะสำหรับผู้หญิงเท่านั้น แต่รู้มั้ยครับว่าจริง ๆ แล้ว ค็อกเทลหนึ่งแก้วนั้น มันผ่านเรื่องราวกรรมวิธีต่าง ๆ รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ของบาร์เทนเดอร์ จนกลายเป็นค็อกเทลแก้วสวยงามอย่างที่คุณเห็นกัน บทความนี้ผมเลยอยากจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า ค็อกเทลนี้กัน ว่าทำไมเราถึงต้องจ่ายเงินสูงกว่าการดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ปกติ เพียงเพื่อเหล้าน้ำหวานแก้วนี้แก้วเดียวจริง ๆ แล้วค็อกเทลก็เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่ผสมจากเบสเหล้าที่เราดื่ม ๆ กันนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็น Whisky, Gin, Rum, Vodka แล้วผสมกับน้ำผลไม้ เหล้าที่มีรสหวาน และพวกสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ เพื่อแต่งกลิ่นและรสชาติ (แล้วแต่สูตร ไม่ต้องใส่ทุกครั้ง) จากนั้นนำมาผสมกันในขวดเชคเกอร์ ใส่น้ำแข็ง แล้วเขย่า แล้วปิดท้ายด้วยการตกแต่งแก้วให้ดูสวยงาม จริง ๆ แล้วค็อกเทลก็มีขายตามร้านเหล้า ร้านอาหารทั่ว ๆ ไปนั่นแหละครับ แต่ถ้าใครอยากซึมซับรสชาติที่แท้จริงของค็อกเทล ผมแนะนำให้คุณลองไปดื่มตามบาร์ แล้วคุณจะรู้ว่ากว่าจะได้ค็อกเทลออกมาสักหนึ่งแก้วนั้นมันมหัศจรรย์มาก ๆ เลยล่ะจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับค็อกเทลมากนักหรอกครับ ก็ชอบดื่ม ชอบเที่ยวตามร้านเหล้าทั่วไปนี่แหละ แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปดื่มค็อกเทลที่บาร์แห่งหนึ่ง แล้วก็ได้นั่งคุยกับบาร์เทนเดอร์ พี่เขาก็แนะนำเครื่องดื่ม เล่าที่มาที่ไปของแต่ละแก้วให้ฟังชนิดที่ว่าหมดเปลือกเลยล่ะครับ สรุปได้ว่าหลัก ๆ เมนูของค็อกเทลจะมีไม่มากนัก ผมขอแบ่งออกเป็น 2 สูตรหลัก ๆ ให้คุณได้เข้าใจง่าย ก็แล้วกันนะครับ 1. ค็อกเทลแบบคลาสสิก (Classic) ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าคลาสสิก แสดงว่ามันก็คือค็อกเทลสูตรดั้งเดิมนั่นเอง โดยเกิดขึ้นในช่วงประมาณหลังปี ค.ศ. 1890 ผมว่าคุณน่าจะเคยได้ยินชื่อเครื่องดื่มเหล่านี้ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างล่ะ อย่าง Mojito, Manhattan, Margarita หรือจะเป็น Old Fashioned 2. ค็อกเทลแบบทวิสต์ (Twist) มันก็คือค็อกเทลที่ดัดแปลงหรือต่อยอดมาจากแบบคลาสสิกนั่นเอง ด้วยการเพิ่มลูกเล่น เพิ่มเลเยอร์ ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป พร้อมกรรมวิธีการทำรูปแบบใหม่เพื่อให้รสชาติมีมิติที่แตกต่างไปจากเดิม หรือให้มันมีความสนุกสนานเวลาดื่มมากขึ้นนั่นเอง สำหรับค็อกเทลแบบทวิสต์นี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเมนู Signature ของแต่ละร้านนั่นแหละครับนอกจากนี้บาร์เทนเดอร์ยังเล่าให้ฟังอีกว่า เป้าหมายของการเที่ยวบาร์ไม่ได้เพื่อการสังสรรค์เพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นเหมือนสถานที่ที่ให้คุณมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกัน ทั้งลูกค้ากับลูกค้า หรือจะเป็นลูกค้ากับบาร์เทนเดอร์ คุณสามารถไปนั่งคุย ปรึกษาปัญหาต่าง ๆ กับบาร์เทนเดอร์ได้ คำจำกัดความของ "บาร์เทนเดอร์" ไม่ได้เพื่อชงเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเป็นเพื่อนกับลูกค้าด้วยยังไงล่ะครับถ้าถามว่าทำไมต้องยอมจ่ายเงินสูงกว่าปกติ เพื่อค็อกเทลแก้วเดียว ผมว่ามันไม่ใช่แค่แก้วเดียวนะ เพราะแต่ละแก้วใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหล้านอก น้ำหวานที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ความพิถีพิถันในแต่ละขั้นตอน รวมถึงเทคนิคเฉพาะตัวของบาร์เทนเดอร์อีก ผมอยากให้คุณลองไปบาร์สักแห่งหนึ่ง แล้วให้บาร์เทนเดอร์อธิบายเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่คุณสั่งดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่ากว่าจะได้เครื่องดื่มสักหนึ่งแก้วนั้นมันมีเรื่องราว แรงบันดาลใจต่าง ๆ ที่น่าสนใจขนาดไหนเครดิตภาพทั้งจาก Unsplashภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 /