มาตรการ "ล็อกดาวน์" ทำเศรษฐกิจยูโรโซนทรุดหนัก หดตัว 3.8%

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ยูโรสแตท สำนักงานสถิติแห่งยุโรป เผยแพร่ข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจออกมาเมื่อ 30 เมษายนนี้ ระบุว่า เศรษฐกิจในเขตยูโรโซนหรือกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร หดตัวลงมากถึง 3.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จากสาเหตุของการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ลดลง 0.4 เปอร์เซ็นต์อันเนื่องมาจากการทรุดตัวของราคาน้ำมัน

ที่สเปน ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของยูโรโซน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (อเอ็นอี) ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ติดลบ 5.2 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับการขยายตัว 0.4 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา อัตราว่างงานเพิ่มจาก 13.8 เปอร์เซ็นต์เป็น 14.4 เปอร์เซ็นต์

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสเปน เคยประเมินไว้ว่า เศรษฐกิจสเปนจะขยายตัวติดลบระหว่าง 6.6 เปอร์เซ็นต์ถึง 13.6 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจสเปนจะหดตัวลงทั้งปีราว 8.0 เปอร์เซ็นต์

ที่เยอรมนี สำนักงานแรงงานแห่งรัฐ แถลงว่า จำนวนคนว่างงานในประเทศที่มั่งคั่้งที่สุดในยูโรโซนแห่งนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 13.2 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว เป็น 2.6 ล้านคนในเดือนเมษายน อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ ทำให้อัตราว่างงานกระโดดจาก 5.0 เปอร์เซ็นต์เป็น 5.8 เปอร์เซ็นต์

ในเวลาเดียวกัน มีบริษัทธุรกิจของเยอรมนีมากถึง 750,000 บริษัท ยื่นขอแสดงเจตจำนงต่อรัฐบาลว่าจะปรับลดเวลาการทำงานของแรงงาน 10.1 ล้านคนลงเพื่อให้รัฐบาลชดเชยค่าแรงในส่วนที่หายไปตามโครงการของรัฐก่อนหน้านี้