รีเซต

เซียนพระดัง ถูกทหารหลอกขายพระเครื่อง 2 ล้าน ขอเงินคืน บอกเล่นพนันหมดแล้ว

เซียนพระดัง ถูกทหารหลอกขายพระเครื่อง 2 ล้าน ขอเงินคืน บอกเล่นพนันหมดแล้ว
ข่าวสด
9 สิงหาคม 2564 ( 16:56 )
144
เซียนพระดัง ถูกทหารหลอกขายพระเครื่อง 2 ล้าน ขอเงินคืน บอกเล่นพนันหมดแล้ว

 

นนทบุรี - เซียนพระดัง ถูกทหารยศจ่าสิบตรี สังกัดกองทัพบก จ.นครสวรรค์ หลอกขายพระเครื่องเป็นเงินเกือบ 2 ล้าน ตามไปขอเงินคืน บอกเล่นพนันหมดแล้ว

 

 

9 ส.ค. 2564 - นายอนันตวัฒน์ หรืออ๋อง นิติภัทรธนากฤต อายุ 27 ปี เซียนพระเครื่อง พร้อมด้วย น.ส.สุกัญญา ใจบุญ อายุ 27 ปี และ น.ส.มณฑา จันทร์งาม อายุ 39 ปี เดินทางเข้าพบ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม

 

 

เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกทหารยศ จ่าสิบตรี สังกัดกองทัพบก ประจำการอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ หลอกให้โอนเงินกว่า 1.8 ล้านบาท หลังตกลงซื้อขายพระเครื่องของหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ แต่พอโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้พระแม้แต่องค์เดียว อีกทั้งยังไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายเเต่อย่างใด

 

 

นายอนันตวัฒน์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพซื้อขายพระเครื่องของ หลวงพ่อพัฒน์ เป็นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป จนกระทั่งเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้เห็นรูปในเฟซบุ๊กทหารรายหนึ่ง ยศจ่าสิบตรี ลงรูปถ่ายพร้อมข้อความว่ามีพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อพัฒน์เป็นจำนวนมาก ตนจึงได้ติดต่อไปเพื่อขอเช่าเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นหน้ายักษ์ศชษ์ เหรียญรุ่นรวยเลื่อนบารมี เหรียญรุ่นรวยพันล้าน 2 และเหรียญรุ่นเสือคาบดาบ 4 รวมเป็นเงินทั้งหมด 1,872,700 บาท โดยมีกำหนดส่งของให้เดือน มี.ค. 64

 

 

แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยได้รับพระแม้แต่องค์เดียว เมื่อสอบถามไปที่ทหารคนดังกล่าวก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด อ้างว่าติดราชการยังไม่สะดวกส่งของให้ ตนจึงเดินทางไปพบกับทหารคนดังกล่าวที่ จ.ตาก เพื่อสอบถามว่ามีพระเครื่องจริงหรือไม่ ทางทหารคนดังกล่าวยอมรับว่าไม่มีพระเครื่องที่ได้ตกลงทำการซื้อขายกันไว้ ตนจึงขอเงินคืน แต่ทางทหารคนนี้บอกว่าเงินไม่มีแล้ว เพราะนำไปเช่าพระรุ่นอื่นหมดแล้ว และได้นำเงินบางส่วนไปเล่นการพนันหมดแล้ว

 

 

 

 

เงินทั้งหมดที่จ่ายไป เป็นเงินเก็บของครอบครัวซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ นอกจากนี้เงินส่วนหนึ่งเป็นเงินที่เก็บจากลูกค้ามาก่อน ซึ่งตนต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อเอาไปจ่ายคืนให้กับลูกค้าที่มัดจำเอาไว้อีก ตอนนี้เครียดมาก จึงตัดสินใจเดินทางเข้ามาร้องเรียนกับทนาย เพื่อให้ช่วยเหลือในทางคดี เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

 

ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีฉ้อโกง ผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งความ ในเมื่อตกลงซื้อของจ่ายเงินแล้วแต่ไม่ได้ของ เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก ขั้นตอนต่อไปให้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนเอาผิดทางวินัยที่กองทัพบก ซึ่งเป็นต้นสังกัด เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงช่วยดำเนินการ เนื่องจากคู่กรณีเป็นทหาร จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการตกลงซื้อของโดยที่เราไม่เห็นของ บ้างครั้งเราอาจมีความมั่นใจว่าผู้ขายเป็นข้าราชการคงไม่โกง ฉะนั้นถ้าจะซื้อของควรเห็นของก่อนจ่ายเงินจะดีกว่า เพราะคนที่เข้ามา อาจจะเป็นมิจฉาชีพได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง