depa เปิดโครงการ Coding Thailand 2025 เสริมทักษะ AI เยาวชน

ในยุค AI ขับเคลื่อนโลก “ทักษะดิจิทัล” ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นรากฐานของอนาคต

เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว การเตรียมเยาวชนไทยให้พร้อมรับมือกับอนาคตจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเรียนเขียนโค้ด แต่คือการสร้างกรอบคิด การลงมือปฏิบัติ และการเข้าใจเทคโนโลยีเชิงลึกในชีวิตจริง

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) หน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินหน้าต่อยอดโครงการ “Coding Thailand 2025: AI-Driven Future” มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะสำคัญสำหรับครูและนักเรียนทั่วประเทศ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานจนถึงการพัฒนาโครงงานนวัตกรรมจริง

ต่อยอดจาก 8 ปีสู่อนาคตด้วย AI และเทคโนโลยีล้ำสมัย

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา Coding Thailand วางรากฐานให้เด็กไทยหลายรุ่นเข้าใจ Coding และ Computational Thinking แต่ปี 2568 ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญ ด้วยการบูรณาการ AI, IoT, Robotics และ Edge Computing เข้ากับหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียนสามารถออกแบบและพัฒนานวัตกรรมได้จริง ไม่ใช่เพียงเรียนเพื่อสอบ

โดยปีนี้เปิดรับสมัครมากกว่า 800 ทีมจากโรงเรียนทั่วประเทศ แต่ละทีมประกอบด้วยครู 1 คนและนักเรียน 3 คน เพื่อร่วมกิจกรรมเรียนรู้และแข่งขันต่อเนื่องตลอดปี แบ่งเป็น 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่

อบรมออนไลน์พื้นฐานดิจิทัล (15 – 30 มิ.ย. 2568)

• Coding & AI Acceleration จัดอบรมใน 8 พื้นที่ทั่วประเทศ (23 มิ.ย. – 8 ส.ค. 2568)
• Regional Competition แข่งขันและเสนอแนวคิดพัฒนานวัตกรรมในระดับภูมิภาค (13 ส.ค. – 10 ก.ย. 2568)
• Coding & AI Incubation เวิร์กช็อปเข้มข้นเพื่อเตรียมสู่ระดับชาติ (13 ก.ย. 2568)
• National Competition คัดเลือกทีมที่มีผลงานเด่นที่สุด (3 – 5 ต.ค. 2568)

สามารถลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ www.depa.or.th/codingthailand ภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่าน Facebook: CodingThailand by depa

เรียนรู้จากของจริง สร้างได้จริง

โครงการปีนี้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ (hands-on workshops) โดยมีอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญจากภาคการศึกษาและเอกชนร่วมออกแบบการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กและครูไม่เพียงเข้าใจแนวคิด แต่สามารถสร้างต้นแบบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาจริงในชุมชนได้ด้วย

นอกจากนี้ depa ยังตั้งเป้าผลักดันการพัฒนาทักษะของครูควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องในโรงเรียน ช่วยลดช่องว่างด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี และขยายผลสู่ระบบการศึกษาที่ทันสมัยมากขึ้น