ในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอาชีพ"ไลฟ์โค้ช" เมื่อโลกมันเปลี่ยนแปลงไปคนธรรมดา สามารถสร้างตัวตนสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเองได้โดยไม่ต้องรอแมวมองเหมือนสมัยก่อน ใคร ๆ ก็สามารถมีช่องเป็นของตัวเอง โดยการทำกิจกรรมผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น ยูทูบ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จัก และชื่นชอบของบุคคลอื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอแค่ออกรายการทีวีเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคนมีความสามารถมากมาย ทำช่องของตัวเองขึ้นมาไลฟ์สด สอนในสิ่งที่พวกเค้ามีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี หรือการนำประสบการณ์ตรงมาเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อสร้างประโยชน์ให้คำปรึกษา แนะแนวทางการแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนคงมี"โค้ช"ในดวงใจกันอยู่แล้ว ผู้เขียนเองก็เช่นค่ะ คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ (โค้ชหนุ่ม) เจ้าของช่องTHE MONEY COACH ผู้เขียนเริ่มรู้จักโค้ชหนุ่มผ่านทาง เพจ AOMMONEYเมื่อ 2 ปีที่แล้วและติดตามโค้ชหนุ่มมาโดยตลอด ในวิดีโอแรกที่ได้ดูนั้นเป็นวิดีโอสัมภาษณ์ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาก่อนจะมาเป็นโค้ช ทำให้ผู้เขียนได้ทราบว่าโค้ชเองก็เริ่มต้นมาจากมนุษย์เงินเดือนที่ต้องแบกหนี้ 18 ล้าน เนื่องจากที่บ้านล้มละลาย ก่อนจะมาเป็นโค้ชผู้มีอิสระภาพทางการเงิน อย่างเช่นทุกวันนี้ และนั่นคือจุดสร้างแรงบัลดาลใจให้กับมนุษย์เงินเดือนแบบเราTHE MONEY COACH ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเป็นโค้ชทางการเงิน ผู้เขียนเริ่มย้อนดูคลิบเก่า ๆ ที่โค้ชหนุ่มลงไว้ จึงได้ทราบว่าการให้เงินทำงานช่วยเรามีหลายช่องทาง เช่น ลงทุนในกองทุนรวม ลงทุนในหุ้น และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผู้เขียนรู้สึกสนใจการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราแค่คิดก็เป็นไปได้ยากแล้ว หากจะซื้ออสังหาริมทรัพย์สักชิ้นมันคงต้องใช้เงินก้อนโต แต่ผู้เขียนก็ยังไม่ถอดใจบอกกับตัวเองว่า เมื่อมันมีคนที่สามารถทำได้เราต้องทำได้เช่นกัน คิดแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว เมื่อผู้เขียนเริ่มเข้าใจในเรื่องที่โค้ชหนุ่มสอนแล้ว ต่อมาจึงเริ่มปฏิบัติตามแนวทางที่โค้ชหนุ่มได้สอนไว้ในคลิป เริ่มจากการทำงบการเงินของตัวเองก่อน เพื่อดูว่าเรามีสินทรัพย์และหนี้สินเท่าไหร่ ดูว่าสถานการณ์ทางการเงินของเราเป็นอย่างไร เมื่อทราบสถานะการเงินของตัวเองแล้ว ผู้เขียนเริ่มตั้งเป้าหมายแรกให้ชัดเจน จะเก็บเงินให้ได้ปีละ 200,000 บาท ผู้เขียนไม่ได้มีเงินเดือนแพงอะไรเดือนละหมื่นกว่าบาทเท่านั้น และยังมีค่าใช้จ่ายในการครองชีพเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป เมื่อหักลบกันแล้วก็ใช้แบบเดือนชนเดือน แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรผู้เขียนเลือกออมผ่านกองทุนรวม เพื่อให้เงินทำงานช่วยเราอีกทางหนึ่ง ผู้เขียนเริ่มทำตารางโดยตั้งเป้าหมายว่าจะซื้อกองทุนรวมทุกเดือน เดือนละ 16,000 - 17,000 บาท หรือหากเดือนใดมีรายได้เข้ามามากก็จะซื้อเพิ่มขึ้นอีก ช่วงนั้นเป็นโอกาศดี ร้านที่ผู้เขียนทำงานอยู่ยอดขายดีมาก จึงทำให้ผู้เขียนได้เงินพิเศษจากยอดขาย และผู้เขียนยังหารายได้จากแหล่งอื่นที่พอจะทำได้ เช่น หางานเสริมออนไลน์ ทำสลัดโรลมาวางขายหน้าร้าน ทำโอทีวันหยุดทุกวัน ผู้เขียนทำแบบนี้ด้วยความมีวินัยตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ไม่น่าเชื่อว่าภายในหนึ่งปีผู้เขียนมีเงินออมในกองทุนรวมเกือบ 300,000 บาท และในระหว่างที่ผู้เขียนออมเงินในกองทุนรวม ผู้เขียนเริ่มมองหาอสังหาริมทรัพย์ไปพร้อมกัน หากมีเวลาหลังเลิกงานก็ลงพื้นที่ไปดูทรัพย์ที่เราเล็งไว้บ้าง ไม่น่าเชื่อว่าในปีถัดมาผู้เขียนสามารถซื้อบ้านมือสองหลังเล็ก ๆ หนึ่งหลังเพื่อปล่อยเช่า (ไม่ได้ซื้อเงินสดนะคะ)หากคุณเป็นคนที่มีหนี้ เก็บเงินไม่เป็น มีความสนใจด้านการลงทุน อยากมีอิสระภาพทางการเงินแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ผู้เขียนขอแนะนำว่าให้ไปดูช่อง The Money Coach ที่นี่มีแนวทางไว้สำหรับคุณแล้ว ไม่ใช่สอนแค่แนวทางการลงทุนเท่านั้น โค้ชหนุ่มยังสอนเรื่องการเงิน การทำงบการเงินส่วนบุคคล การบริหารหนี้ถึงจะเป็นหนี้ก็มีเงินออมได้ การบริหารความเสี่ยง จนไปถึงการวางแผนการเงินในวัยเกษียณ ที่สำคัญคุณจะได้รับความรู้แบบฟรี ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท หากเรานำแนวทางเหล่านั้นมาปฏิบัติอย่างมีวินัย สักวันเราต้องามีอิสระภาพทางการเงินเช่นเดียวกันกับ"โค้ชหนุ่ม"อย่างแน่นอนค่ะ สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอขอบคุณโค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ จากช่องTHE MONEY COACH ผ่านทางบทความนี้ด้วยนะคะขอบคุณภาพจากYOUTUBETHEMONEYCOACH รูปประกอบที่ 1 / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3 / รูปประกอบที่ 4 / รูปประกอบที่ 5 ภาพปกจากนักเขียน