ผู้ป่วยโควิด เครียดหนี้สิน กระโดดตึกรพ.สนามดับ ทิ้งลูก 2 รายติดเชื้อไว้ในโรงพยาบาล
ข่าววันนี้ เมื่อเวลา 06.03 น. วันที่ 4 มีนาคม พ.ต.อ.สมเกษม จารักษ์ ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ได้รับแจ้งจาก ร.ต.ท.ไฉน ขำสกุล สายตรวจหน่วยบริการคุ้งตะเภา ต.คุ้งตะเภา อ.เมืองอุตรดิตถ์ว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 กระโดดจากชั้นที่ 3 ของอาคารที่พักผู้ป่วยโควิด-19 โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 2 ซึ่งอยู่ในอาคารคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ (บึงกะโล่) ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์เสียชีวิต จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อม ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ ดวงตาน้อย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พบศพ นายศิริศักดิ์ อ่อนละมุล อายุ 50 ปี ชาว อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์
จากการชันสูตรเบื้องต้นพบว่า คอหัก ซี่โครงซ้าย และ ขาด้านซ้ายหัก หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยทำ CPR ราว 30 นาที แต่ก็ไม่เป็นผล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า ก่อนผู้เสียชีวิตจะกระโดดตึกผู้ป่วยโควิด-19 ได้ยินผู้เสียชีวิตบ่นอยากตายมาหลายครั้งแล้ว โดยทางผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในห้องเดียวกันราว 10 คน ก็พยายามเตือนว่า จะทำอะไรให้นึกถึงลูกๆ ขณะที่ทุกคนเผลอ ผู้เสียชีวิตก็เปิดหน้าต่างแล้วกระโดดลงมาทันที โดยที่ทุกคนก็ไม่สามารถห้ามหรือช่วยเหลืออะไรได้
ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ กล่าวว่า นางรุ่งรัตน์ อินชายเขา อายุ 29 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิตให้การว่า สามีได้ติดโควิด-19 และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมลูกชายและลูกสาวที่ติดโควิด-19 ด้วย ไม่คิดว่าจะกระโดดตึกดังกล่าว สาเหตุหน้าจะเครียดมาจากเรื่องหนี้สิน และติดโควิด-19 ส่วนศพได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย นำร่างของผู้เสียชีวิตไปผ่าพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ แผนกนิติเวช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กำลังเดือดร้อนหนัก เนื่องจากงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อการดูแลผู้ที่กักตัวอยู่บ้าน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงซึ่งยังไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีจำนวนมาก ไม่มีงบประมาณที่จะเข้ามาดูแล อีกทั้งงบประมาณของ อปท.เองก็ไม่สามารถเบิกจ่ายใช้ได้ ผู้บริหารบางรายต้องนำงบประมาณของตัวเองออกมาใช้ ส่วนผู้บริหารที่ไม่มีเงินทุนมากพอ ก็พยายามร้องขอการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชน ส่งผลทำให้อาหาร น้ำดื่ม ที่จะแจกจ่ายดูแลกลุ่มเสี่ยงที่กักตัวอยู่กับบ้านขาดแคลนอย่างมาก สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตคือ ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง อาจจะไม่กักตัวอยู่บ้าน และอาจจะออกไปทำมาหากิน ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่มีมากขึ้นได้