รีเซต

เปิดรายละเอียดคณะทูตฯ สังเกตการณ์เก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย - กัมพูชา

เปิดรายละเอียดคณะทูตฯ สังเกตการณ์เก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย - กัมพูชา
TNN ช่อง16
16 สิงหาคม 2568 ( 10:02 )
26

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 รัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตและกงสุลต่างประเทศ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทย และสื่อมวลชนไทย - ต่างประเทศกว่า 20 สำนักข่าว ลงพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อติดตามสถานการณ์และเก็บกู้ทุ่นระเบิด พร้อมตรวจสอบความเสียหายของพื้นที่พลเรือน

คณะทูตฯ มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 36 คน จาก 33 ประเทศ 1 องค์กร และ 2 องค์การระหว่างประเทศ ประกอบด้วย

  • เอกอัครราชทูต 10 คน จาก 9 ประเทศ และ 1 องค์กร เช่น ฟิลิปปินส์, สหภาพยุโรป, เนเธอร์แลนด์, สเปน, ไอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก, อิตาลี, วาติกัน, ศรีลังกา และตุรกี
  • อุปทูตรักษาการชั่วคราว 6 คน จากนอร์เวย์, ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, ฟินแลนด์ และโปรตุเกส
  • ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต 17 คน จาก 16 ประเทศ และ 1 องค์กร เช่น ออสเตรเลีย, เบลเยียม, จีน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, เวียดนาม และเปรู
  • ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร 2 คน จากเกาหลีใต้และสวีเดน
  • องค์การระหว่างประเทศ 2 คน จาก Golden West Humanitarian Foundation และ Norwegian People’s Aid

กำหนดการลงพื้นที่

คณะทูตฯ และสื่อมวลชนเริ่มที่ จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นเดินทางไป ผามออีแดง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปและแบ่งกลุ่มเยี่ยมชมการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ภูมะเขือ พร้อมศึกษาภูมิประเทศ ก่อนลงพื้นที่ บ้านหนองเม็ก ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย และรับฟังบรรยายสรุปเพิ่มเติมที่ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา

วัตถุประสงค์การลงพื้นที่

นายจิรายุระบุว่า การเปิดโอกาสให้คณะทูตและสื่อมวลชนลงพื้นที่โดยตรง มีเป้าหมายเพื่อ:

  • ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพื้นที่จริง
  • เห็นกระบวนการปฏิบัติงานของหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมอย่างใกล้ชิด
  • รับรู้สภาพความเป็นจริงของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

การลงพื้นที่ครั้งนี้ยังสะท้อนถึง ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ในการนำเสนอข้อมูลต่อประชาคมโลกอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมแสดงถึงการยึดมั่นในสันติวิธีและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วม ฟื้นฟูสันติภาพ และย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำความร่วมมือเพื่อสันติภาพอย่างยั่งยืน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง