สุดเจ๋ง! หน่วยกู้ชีพอังกฤษทดลองใช้ชุด “Jet suit” บินช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ไม่ต้องรอไอรอนแมนหรือซูเปอร์ฮีโร่ใดๆ ก็เหาะไปช่วยเหลือผู้คนได้ ล่าสุดหน่วยของกู้ชีพของประเทศอังกฤษได้ทดลองใช้ชุด “Jet suit” บินเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามที่ต่าง ๆ โดยเจาะพื้นที่ทดลองแรกเป็นภูมิประเทศแถบเขาบริเวณ Lake District ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ
“Jet suit” นี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Great North Air Ambulance Service (GNAAS) ทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยของประเทศอังกฤษตอนเหนือ และ Gravity Industries บริษัทผู้ผลิตชุด Jet suit โดยแนวคิดของความร่วมมือนี้มาจากที่ผ่านมามีผู้ประสบภัยจำนวนมากที่ประสบอุบัติเหตุและอยู่ในจุดที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น แนวภูเขา ทำให้ทีมช่วยเหลือเข้าถึงได้ช้าและส่งผลต่อการช่วยชีวิต ดังที่ Addy Mawson ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของประเทศอังกฤษได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ BBC ไว้ว่า “มีผู้ป่วยหลายสิบรายทุกเดือนที่ประสบเหตุภายในพื้นที่ของทะเลสาบที่ค่อนข้างเล็กและมีทางซับซ้อน” การร่วมมือกันของทั้งสององค์กรจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
ที่มาของภาพ https://www.bbc.com/news/uk-england-54331994
การทำงานของ Jet suit นั้น Richard Browning ผู้ก่อตั้งของ Gravity Industries ได้อธิบายไว้ว่าตัวชุดจะมีเครื่องยนต์เล็ก ๆ อยู่ที่แขนแต่ละข้าง และอีกเครื่องที่ด้านหลัง ซึ่งตัวเครื่องยนต์ทั้งสามนี้จะช่วยให้ทีมกู้ชีพสามารถทรงตัวและควบคุมการเคลื่อนไหวได้ง่าย ๆ จากการขยับแขนไปในทิศทางต่าง ๆ และจากข้อมูลของสื่อ The Guardian ยังได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวชุดว่ามีกำลังอยู่ที่ 1,050 แรงม้า และสามารถบินได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1,200 ฟุต
นั่นทำข้อได้เปรียบที่สำคัญมากของการใช้ชุด Jet suit คือจะสามารถลดระยะเวลาเดินทางได้มาก เช่น ในพื้นที่ปกติที่จากเดิมหากเดินทางด้วยเท้าจะใช้เวลา 30 นาที แต่ถ้าบินโดยใช้ Jet suit จะใช้เวลาเหลือเพียง 90 วินาทีเท่านั้น และในอนาคตอาจพัฒนาให้สามารถบรรจุกล่องปฐมพยาบาลฉุกเฉิน หรือยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาการบาดเจ็บของนักปีนเขาที่มักจะประสบอุบัติเหตุจนกระดูกหักหรือใช้ชุดในการขนย้ายเครื่องกระตุ้นหัวใจไปช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจได้ทันเวลา
โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการทดลองบินครั้งแรกที่ Lake District ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ โดยผู้บินคือ Richard Browning เอง และหากในอนาคตได้มีการพัฒนาจนสามารถใช้ Jet suit เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้จริงจะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วในการช่วยเหลือผู้ป่วย “เวลา” คือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีอาจจะเป็นความเป็นความตายของใครคนหนึ่งเลยก็เป็นได้
ข้อมูลจาก
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline