Telnet client เป็นโปรแกรมหรือเครื่องมือที่ใช้ในการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านโปรโตคอล Telnet ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมหรืออินเทอร์เน็ต เพื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ Telnet นั้นๆTelnet เป็นโปรโตคอลที่ให้โอกาสในผู้ใช้ในการรีโมทคอนโทรลหรือจำลองการเข้าถึงอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลผ่านเครือข่าย ซึ่งเป็นทางเลือกที่มีให้ในระบบปฏิบัติการหลายระบบ เช่น Windows, Linux, หรือ macOSข้อควรระวังการใช้ Telnet client มักจะเป็นทางเลือกที่ไม่ปลอดภัยเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลที่ส่งผ่าน Telnet จะถูกส่งไปในรูปแบบข้อความไม่เข้ารหัส (plaintext) ทำให้ข้อมูลสามารถถูกดักจับได้ง่าย และไม่ควรนำ Telnet ไปใช้ในการเข้าถึงระบบหรืออุปกรณ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น เซิร์ฟเวอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่มีข้อมูลที่อยู่ในระดับความลับสูง แทนนั้น ควรใช้โปรโตคอลที่ปลอดภัยมากขึ้น เช่น SSH (Secure Shell) ที่มีการเข้ารหัสข้อมูลที่ถูกต้องและมีการป้องกันการดักจับข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย (แต่กรณีนี้ใช้แค่เช็ค port เมื่อเช็คเสร็จแล้วก็สามารถปิดได้เลย) วิธีการเช็ค port มีดังนี้ขั้นตอนที่ 1 ให้ทำการไปที่ control panel เพื่อเปิดใช้งาน telnet client ขั้นตอนที่ 2 เลือกหัวข้อ programeขั้นตอนที่ 3 เลือกหัวข้อ turn windows features on or offขั้นตอนที่ 4 ให้ทำการติ๊กเครื่องหมายถูกที่หน้าหัวข้อ telnet client ขั้นตอนที่ 5 ให้ทำการไปที่ เว็บเบราว์เซร์ ไปที่เว็บ ping.euขั้นตอนที่ 6 ให้ทำการเลือก port checkขั้นตอนที่ 7 ปกติสามารถ test จากหน้านี้ได้เลย โดยการกรอก your ip ที่เว็บให้มา port number คือ port ที่เราต้องการที่จะ test และใส่ enter code กด go ขั้นตอนที่ 8 วิธีเช็คผ่าน command prompt ให้ทำการเปิด command prompt ขึ้นมาขั้นตอนที่ 9 ใส่ ip ที่เว็บ ping.eu ให้มาด้วยคำสั่ง telnet ตามด้วย port ที่ต้องการเช็ค ภาพประกอบ 9.1 กรณี port ปิดอยู่/ไม่ได้ใช้งาน ก็จะขึ้นดังรูปภาพ connrct failed ภาพประกอบ 9.2 กรณี port เปิดอยู่/หรือมีการใช้งานอยู่ อย่างรูปภาพผมได้ทำการเปลี่ยน port เป็น port 80 ภาพประกอบ 9.3 command prompt ถ้าขึ้นหน้าตาแบบนี้แสดงว่า port ได้เปิดใช้งานอยู่ภาพโดยครีเอเตอร์เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !