เราเชื่อว่าหลายคนอาจเคยเป็น หรืออย่างน้อยต้องเคยเห็นโรคอีสุกอีใสกับงูสวัสด้วยตาตัวเองกันมาบ้าง เนื่องจากเป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไป คนใกล้ตัวเราก็อาจจะเป็นได้ แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนคือความเชื่อมโยงของโรคอีสุกอีใสและงูสวัดโรคอีสุกอีใส (Chickenpox) คือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า " วาริเซลลา " (Varicella Virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดในร่างกายมนุษย์อีสุกอีใส คือโรคติดต่อทางผิวหนังที่ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน ตุ่มนูนใสๆ ขนาดเล็กขึ้นทั่วร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยในประเทศไทยสามารถเจอได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่ไวรัสจะอยู่ได้นานขึ้นโรคอีสุกอีใสส่วนใหญ่จะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา แต่สำหรับคนที่เป็นซ้ำอีกรอบอาจเป็นสาเหตุมาจากภูมิคุ้มกันมีความผิดปกติ เมื่อเรารักษาโรคอีสุกอีใสหาย อาจมีโอกาสเป็นงูสวัดประมาณร้อยละ 15 เนื่องจากยังมีเชื้อไวรัสแอบซ้อนตัวอยู่ตามปมประสาทของร่างกายเมื่อร่างกายของเราอ่อนแอ เจ็บป่วยรุนแรง หรือได้รับยากดภูมิต่างๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง จะเป็นการกระตุ้นให้ไวรัสเกิดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้เส้นประสาทอักเสบ ส่งผลให้กลายเป็นโรคงูสวัดอาการในเบื้องต้นคือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณผิวหนัง มีตุ่มพุดขึ้นเป็นปื้นๆ ขึ้นเป็นแนวยาวตามเส้นประสาทที่เลี้ยงผิวหนัง ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมาก ต้องป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับเชื้อไวรัสวาริเซลลาตั้งแต่แรก ก็จะทำให้ไม่เป็นทั้ง 2 โรคเลย ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ เพื่อไม่ให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอจนเปิดโอกาสให้เชื้อไวรัสบุกจู่โจมร่างกาย แต่ข้อดีคือในปัจจุบันทั้ง 2 โรคมีวัคซีนสำหรับป้องกันแล้วสามารถสรุปได้ว่าโรคอีสุกอีใสและโรคงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสตัวเดียวกัน ถ้าใครยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน จะไม่มีโอกาสเป็นโรคงูสวัด แต่สำหรับคนที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคงูสวัดอีก เนื่องจากมีเชื้อไวรัสแอบซ้อนอยู่ในร่างกาย หากคนที่ไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสไปสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรคงูสวัด จะทำให้มีความเสี่ยงจะเป็นโรคอีสุกอีใสนั่นเองเครดิต1. รูปภาพหน้าปก Wannatalk (เจ้าของบทความ)2. ภาพประกอบ - ภาพที่ 1 โดย John-Kelly จาก istockphoto - ภาพที่ 2 โดย Petko Ninov จาก istockphoto - ภาพที่ 3 โดย RobinHiggins จาก pixabay - ภาพที่ 4 โดย SPmemory จาก istockphotoเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !