ในวันที่เรากำลังเศร้า หรือท้อแท้ในชีวิต บางครั้งการได้อยู่เงียบๆอ่านหนังสือก็ช่วยได้นะเชื่อไหมว่ามีของขวัญเพียงอย่างเดียวเดียวเท่านั้นที่เรากับเพื่อนอยากจะซื้อให้กันอย่างใจตรงกัน เพราะเมื่อเราซื้อให้เพื่อนเป็นของขวัญวันรับปริญญาก่อน แล้วเมื่อเพื่อนเปิดออกมาก็บอกว่ากะว่าจะซื้อให้เราเป็นของขวัญวันปรับปริญญาเหมือนกัน เพราะว่ามันดีมากๆ สิ่งนั่นก็คือ หนังสือของ "คิมรันโด"ถ้าคุณเป็นนักอ่านอยู่แล้วก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้อ่านหนังสือเล่มที่โด่งดังที่สุดของเขามาแล้ว นั่นก็คือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด ต้องยอมรับว่าการได้อ่านหนังสือเล่มนั้นระหว่างใกล้เรียนจบหรือว่าช่วงเรียนมหาลัย มันจะเป็นอะไรที่โอบอุ้มเราเอาไว้เป็นเกราะกันชนในการเปลี่ยนแปลงชีวิตอันรวดเร็วจากนักเรียนกลายเป็นคนทำงานในเวลาอันสั้นของการเรียนจบ เรียกว่าเป็นหนังสือที่สามารถเปลี่ยนความคิดเราที่ดูเหมือนว่าเรากำลังเผชิญโลกนี้ตัวคนเดียว ให้รู้ว่าจริงๆแล้วทุกคนก็มีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกันทุกคน แต่เราไม่พูดมันออกมาเท่านั้นเองคิมรันโดนักเขียนชาวเกาหลีใต้ที่หลายๆคนชื่นชอบ ที่เป็นหนังเขียนแนวปัญญาและการใช้ชีวิตแต่ละช่วงชีวิต จนเรียกว่าออกมาเล่มไหนคนตามไปอ่านทุกเล่ม แถมเล่มเก่าๆที่ตีพิมพ์มาเมื่อหลายปีมาแล้วก็ยังขายได้ทุกครั้งเพราะข้อมูลข้างในไม่เคยตกยุคสมัย คล้ายๆกับ โรเบิร์ต คิโยซากิ ที่เขียนหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ที่จะตีพิมพ์กี่ครั้งคนก็ยังรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ควรมีหรือว่าควรอ่านอยู่เสมอแม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้วซึ่งวันนี้เราจะมีรีวิวแต่ละเล่มฉบับย่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน เพราะเรารู้สึกว่าช่วงนี้สภาพแวดล้อมสังคมเปลี่ยนไปในเชิงที่ค่อนข้างเครียด การได้อ่านหนังสือดีๆอาจทำให้ความคิดคนเราเปลี่ยนไปและเหมือนมีเพื่อนสู้ร่วมทางกันไป ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวก็ได้ เราเลยอยากจะใส่รีวิวสั้นๆเผื่อว่าจะทำให้เพื่อนๆตัดสินใจได้ว่าอยากอ่านเล่มไหนนะคะ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด"เหมาะกับช่วงวัยรุ่นเรียนมหาลัยหรือเรียนจบใหม่ๆ มันจะเป็นอะไรที่กินใจมากๆ"เป็นเล่มแรกที่เราไปเดินอ่านหนังสือแล้วเห็นว่าเป็นหนังสือแนะนำทั้งชื่อเรื่องที่น่าสนใจและเนื้อหาข้างในที่ปลอบประโลมความเจ็บปวดของวัยรุ่น ที่หลายๆคนอยากที่จะพูดหรือว่าปรึกษาใครได้ เล่มนี้เป็นหนังสือที่เล่มแรกที่เราได้อ่าน แล้วรู้สึกว่า หลังจากนี้จะต้องตามนักเขียนคนนี้ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเรามีเพื่อน มีอาจารย์คอยยืนอยู่เคียงข้างว่าเหตุการณ์แย่ๆแบบนี้ก็สามารถเกิดกับใครก็ได้นักเขียนก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว แม้ว่าหลายคนจะไม่ได้พูดว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร แต่หนังสือเล่มนี้จะบอกเรื่องราวในสังคมที่กดดันกับวัยรุ่นมากขึ้น พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่"เล่มนี้เหมาะกับช่วงที่เราเริ่มทำงานไปสักระยะนึงแล้ว"ความเป็นผู้ใหญ่ที่เราจะต้องรับมือให้เคยชินกับความเจ็บปวดในรูปแบบต่างๆ เล่มนี้จะเจาะลึกในความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในเรื่องความสัมพันธ์ เพื่อน ครอบครัว คนรักหรือว่าลูก และการทำงานที่กดดัน สถานะการการเงิน ความเสี่ยงของผู้ใหญ่ที่ต้องพบเจอ หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราได้คิดว่าปัญหาต่างๆ การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้สึกว่ามีเพื่อนคู่คิด เพื่อนที่เจอปัญหาในชีวิตเหมือนกันค่ะ ในเวลาที่หม่นเศร้า ชีวิตก็ยังเป็นของเรา"เล่มนี้เหมาะกับช่วงเวลาที่เรารู้สึกหมดหวังท้อแท้"ถ้าจะบอกว่าเล่มนี้เหมาะกับคนที่กำลังเหงาๆหรือว่าซึมเศร้า ท้อเเท้ผิดหวังในชีวิตก็คงได้ เพราะเล่มนี้จะเป็นหนังสือที่ทำให้เรามีกำลังใจก้าวต่อไป เป็นการเติมพลังใจผ่านตัวอักษร ข้างในเราทุกคนสามารถอ่อนไหวได้ เล่มนี้จะทำให้เรามองเห็นความท้อแท้ผิดหวังในมุมมองที่แตกต่างออกไป แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนแด่งานของฉัน แด่วันพรุ่งนี้"เล่มนี้เหมาะกับช่วงทำงานหรือว่าช่วงที่กำลังท้อแท้เหนื่อยกับการทำงาน" จริงๆเล่มนี้เนื้อหาค่อนข้างใกล้เคียงกับ จงหางานที่มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้ แต่เล่มนี้จะเป็นแนวให้กำลังใจเกี่ยวกับการทำงานให้เรามีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งถ้าต้องเลือกเล่มนี้ เราว่าแนะนำให้ซื้อเล่มนี้ ทุกคนมักทำอะไรตามแบบฉบับที่คนอื่นคาดหวังเพียงเพราะว่าเราคิดว่าการทำแบบใครหลายๆคน จะทำให้เรามีวันพรุ่งนี้ที่ดีแบบคนอื่นๆ แต่จริงๆแล้วในวันพรุ่งนี้ของเราก็ยังมีหลายอย่างรออยู่จงหางานที่มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้"เล่มนี้เหมาะกับช่วงที่เริ่มหางาน หรือว่ามีความคิดว่ากำลังจะเปลี่ยนงาน"เล่มนี้เราอยากให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้อ่าน เพราะว่าการคิดนอกกรอบไม่ใช่ความคิดที่ผิดเสมอไป บางทีอาจชีพที่เราถนัดหรือว่าอาชีพของเราอาจไม่ได้อยู่ที่นี่หรือว่าสถานที่นี้ บางทีบางอาชีพก็ยังไม่มาในช่วงนี้ก็เป็นไปได้ ในหนังสือยกตัวอย่างหลายอาชีพที่หลายคนเป็นอาชีพเฉพาะทางที่ไม่มีสอนที่ไหน แต่เกิดจากความชอบ และกลายเป็นว่าความชอบนั้นสามารถทำให้ความเก่งเฉพาะด้านได้เพราะความสนใจ ซึ่งก็ได้ข้อคิดต่างๆนอกกรอบมากมายจากเล่มนี้ แนะนำว่าถ้าใครอยากอ่านแนวนี้ ให้ซื้อเล่มแด่งานของฉันแด่วันพรุ่งนี้ เล่มเดียวก็พอเพราะว่าเนื้อหามันค่อนข้างคล้ายกันมาก จากตัวอย่างที่เราได้รีวิวไป ก็ทำให้รู้ว่าหนังสือของคิมรันโดนั้นมีให้เลือกอ่านทุกช่วงชีวิต แล้วหนังสือแต่ละเล่มก็ไม่ได้ตีความชีวิตหรือว่าจบลงด้วยความสมบูรณ์เสมอไป คิมรันโดเลือกที่จะเอาความล้มเหลวในเรื่องต่างๆแต่ละช่วงชีวิตมาพูดผ่านตัวหนังสือ เพราะเรื่องบางอย่างเราก็ไม่อยากจะพูดออกไปในความผิดพลาดหลายๆอย่างชีวิต แต่การได้อ่านหนังสือของคิมรันโดทำให้วัยรุ่นหรือวัยทำงานที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมที่อ้างว้างมากขึ้นได้มีเพื่อนและกำลังใจผ่านตัวอักษรในหน้าหนังสือของเขา จนหลายคน ยกให้เขาเพื่อนคู่คิดในรูปแบบของนักเขียนเราเลยอยากจะนำเพื่อนๆว่าถ้าหากเพื่อนๆกำลังท้อแท้ หรือกำลังซึมเศร้า ลองหาหนังสือ คิมรันโดมาอ่านสักเล่ม ชีวิตคุณอาจจะมีกำลังใจมากขึ้นก็ได้นะคะ หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาฝากทุกคนจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะข้อมูล: Mallibellภาพประกอบ : Mallibell เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !