ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ประหารชีวิต 'ผู้กองเหน่ง' ฆ่าโหด ผอ.อ้อย
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 64 ปี และนางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี อดีต ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายประสิทธิศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความจังหวัดกันทรลักษ์ น.ส.ภัทรพร ทองสุทธิ์ รองประธานสภาทนายความจังหวัดกันทรลักษ์ ทีมทนายความ ญาติพี่น้อง ได้เดินทางมารับฟังการอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ ซึ่งพนักงานอัยการกันทรลักษ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง อดีตนายทหาร ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหาร เป็นจำเลยที่ 1 กับพวก รวม 4 คน ในฐานความผิดต่อชีวิต เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าโหด ผอ.อ้อย โดยเป็นการอ่านคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เนื่องจากผู้กองเหน่ง จำเลยคดีนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง กรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้พิพากษาได้นัดอ่านคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5 เป็นคดีเลขดำที่ อ.81/61 มี นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน และนางแหลม อุ่นอ่อน พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย พร้อมด้วยทีมทนายความเข้าไปรับฟังการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษานานประมาณ 2 ชม. จึงเสร็จสิ้น โดยบรรดาญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย ต่างพากันนั่งรอผลการพิพากษานอกห้องพิจารณาคดี ซึ่งคดีนี้จำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ได้ถูกฟ้องว่า ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ทำให้ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้ายส่วนของศพโดยไม่มีเหตุอันควร ลักทรัพย์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟนรุ่น 5 เอส สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ เงินสด เข้าถึงซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น และฟ้องจำเลยที่ 2-4 ว่าร่วมกันลักทรัพย์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 5 เอส สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ หรือร่วมกันรับของโจร ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง สถานเดียว ในส่วนคดีแพ่ง ให้จำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 เป็นเงิน 300,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 324,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 216,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะและขาดแรงงานในครัวเรือนแก่โจทก์ร่วมที่ 3 เป็นเงิน 216,000 บาท และชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 4 เป็นเงิน 1,320,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,760,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี สำหรับจำเลยที่ 2-4 ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ และโจทก์ร่วมทั้ง 4 ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2-ที่ 4 ไม่ได้กระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใด
นายประสิทธิศักดิ์กล่าวภายหลังจากศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิต ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง จำเลยที่ 1 สถานเดียว มีแก้แค่เรื่องบัตรประชาชนเท่านั้นที่ให้ยกฟ้อง และแก้ในส่วน คดีแพ่ง คือจากเดิม ชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 จำนวนเงิน 2,760,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แก้เป็น ชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 เป็นจำนวนเงิน 3,510,000 บาท ให้แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 ซึ่งตนในฐานะทนายความของโจทก์ต้องขอขอบคุณ ตร.ชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ ภ.จว.ศรีสะเกษ ชุดสืบสวน ภาค 3 ภาค 4 กองปราบปราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ที่ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา
นางแหลม อุ่นอ่อน แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า ตนพอใจกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ได้ให้ความเมตตากับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตนและครอบครัวในครั้งนี้ เพราะน้องอ้อยเป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงตนและครอบครัวมาโดยตลอด แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ตนจะได้หารือกับญาติพี่น้องและทีมทนายความเพื่อยื่นศาลฎีกาต่อไป