รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
21 เมษายน 2565 ( 09:27 )
194

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,680-1,690 จุด โดยระยะสั้นอาจยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินต่างชาติและสถาบันที่ซื้อสุทธิ อย่างไรก็ตามเรายังประเมิน Upside การปรับขึ้นไม่กว้างเนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ประเด็นเงินเฟ้อโลกและนโยบายการเงินโดยเฉพาะของ FED ที่ตึงตัวเร็ว โดยเฉพาะการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดงบดุลในเดือน พ.ค. ยังเป็นปัจจัยกดดันหลัก ซึ่งทำให้ SET Index ในช่วงที่เหลือของ เม.ย. ต่อเนื่อง พ.ค. ยังมีโอกาสพักตัวระยะสั้นหาระดับ 1,650+- จุดหรือต่ำกว่า 

 

อย่างไรก็ตามเรามองเป็นโอกาสในการ “สะสมหุ้นพื้นฐาน” เพื่อถือลงทุนระยะกลางยาว โดยยังให้น้ำหนักบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องใน 2H22 ตามิทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นชัดใน 2H22 เป็นต้นไป หุ้นที่เราชอบยังคงเป็นกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่มี PER/PBV ต่ำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดประกาศผลประกอบการ 1Q22 แข็งแกร่ง 

 

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 1Q22 แข็งแกร่ง และยังเน้นลงทุนหุ้น Value และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือนเม.ย. : BCP, ICHI, IVL, ORI, SHR

 

หุ้นเด่นวันนี้ : GFPT

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท

• คาดกำไร 1Q22 จะฟื้นตัวดี +433% Q-Q, +372% Y-Y จากปริมาณและราคาไก่ที่ปรับขึ้น คาด Gross Margin ปรับขึ้นเป็น 12% ดีกว่าที่เคยคาด ขณะที่ GFN คาดพลิกมีกำไร

• แนวโน้ม 2Q22 เผชิญต้นทุนสูงขึ้น แต่ปริมาณส่งออกฟื้นแรงและการปรับขึ้นราคาขายส่งออกได้มากกว่าน่าจะทำให้กำไรยังดีต่อเนื่อง เราคาดกำไรปี 2022 ฟื้นแรงเป็น 1.3 พันลบ. จาก 209 ลบ.ในปี 2021 

• แนวรับ 13 บาท แนวต้าน 13.50//14 บาท       

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,675 – 1,690 ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ,แนวโน้มกำไรบจ.Q1/65 ฟื้นตัว และ ม. เปิดประเทศ แนะนำเก็งกำไร GFPT, UVAN, TWPC (+เงินบาทอ่อนค่า)/ TOP,BCP,ESSO (+ค่าการกลั่น)/ BH, BDMS, BCH ( +Defensive ) 

 

AAV (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท) การเดินทางท่องเที่ยวของตลาด Inbound เข้าไทยปี 65 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง ตั้งแต่รัฐยกเลิกการตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าประเทศ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.65 และต่อจากนี้ ศบค.กำลังพิจารณาให้เลิกตรวจ RT-PCR นักท่องเที่ยวเข้าไทยผ่านระบบเทสต์ แอนด์ โก ในเดือน พ.ค.65 เพื่อลุ้นเร่งปรับให้โรคโควิด 19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 ในส่วนของสายการบินไทยแอร์เอเชียได้ทยอยเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. ครอบคลุมตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ 7 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ และอินเดีย รวม 18 เส้นทาง ดังนั้นใน 2Q65 ผู้บริหารคาดเส้นทางต่างประเทศจะทยอยกลับมาทำการบิน 20% เทียบก่อนช่วงเกิดโควิด และทยอยเพิ่มเป็น 40% ใน 3Q65 และเพิ่มเป็น 60% ใน 4Q65 ส่งผลบวกต่อผลประกอบการของ AAV ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง

 

GLOBAL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 26.50 บาท) ภาพรวมของการดำเนินงานในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้(ตลาดประเมิน EPS ปี65 และ 66 ที่ 0.76 และ 0.85 บ./หุ้น) จากกลยุทธ์ขยายสาขา(อัพฐานรายได้; เป้าปีนี้เปิดเพิม 7 สาขา จากปัจจุบัน 76 สาขา) และการเน้นสินค้า House Brand (ซึ่งจะปรับปรุงให้ GPM ขยับตัวดีขึ้น) ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนในระยะถัดๆไปจะเป็นการรุกเข้าไปยังตลาดตปท. โดย GLOBAL* ได้มีการเปิดสาขาแรกในกัมพูชาแล้ว และคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์ได้ในปีนี้ นอกจากนี้บ.ยังได้มีการร่วมกับ บ.ย่อยของ SCC* ในการเข้าไปลงทุนราว12.75% ใน CKDB ซึ่งเป็นผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้านและสวนในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้แบรนด์ร้านค้า Depo Bangunan

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แบบ sideway up ภาพใหญ่ของตลาดโลกดีขึ้นเล็กน้อย ติดตามการพูดคุยยูเครน-รัสเซียคืนนี้ โดยสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ยังทรงตัว คือไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง สหรัฐเริ่มมีการส่งอาวุธให้กับยูเครน ติดตามการพูดคุยยูเครน-รัสเซียในคืนนี้ ผลกระทบต่อหุ้นไทย ยังมีต่อผู้มีฐานรายได้ในยุโรป อาทิ IVL, KCE, TU, PTTGC

 

ยอดผู้ติดเชื้อในเซี่ยงไฮ้ยังลดลงต่อ (วานนี้ +18,495) มีการเปิดให้ทำกิจกรรมได้มากขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ Logistics และเดินเรือ

 

Bond Yield สหรัฐฯ ชะลอตัว โดยอายุ 10 ปี ลงมาปิดที่ 2.85% (peak ไปเมื่อ 19 เม.ย. ที่ 2.97%) เป็นบวกในแง่จิตวิทยาการลงทุน

 

ติดตามการประกาศงบทั้งของสหรัฐ และของไทยที่ตอนนี้เริ่มทยอยประกาศงบกลุ่มธนาคารเป็นอันดับแรก ทาง KTBST คาดกำไรธนาคาร 1Q +5% YoY; 18% QoQ

 

การหยุดตรึงราคาดีเซล 1 พ.ค. นั้น ทางภาครัฐอาจจะมีการช่วยอัดเงินเข้าไปหรือปล่อยลอยตัว ราคาอาจจะอยู่ที่ 32-35 บาท จากเดิม 30 บาท เรามองว่าหุ้นที่จะเสียประโยชน์คือกลุ่มปั๊มน้ำมัน (PTG) และผู้ให้บริการขนส่งสินค้า (KEX)

 

หุ้นธนาคารที่ประกาศงบวันนี้ คือ BBL, KTB, SCB

 

หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ MAJOR(@0.60), CSP(@0.20), AIT(@0.30), AMATAV(@0.05), BIZ(@0.4278), BIZ(@2:1/Stock Dividend), MBAX(@0.30), TTB(@0.038), BBL(@2.50)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขเงินเฟ้อยุโรป และตัวเลขเคลมว่างงานสหรัฐฯ

 

Strategy

• มีแรงซื้อกลับของนักลงทุนในตลาดหุ้นเอเซียและของไทยอีกครั้ง  เรายังแนะทยอยกลับเข้าซื้อหุ้น แต่คงต้องเลือกกลุ่มเล่น  โดย Sector ที่จะกลับมาดี จากการเปิดประเทศ และ Covid ของจีนดีขึ้น คือ ท่องเที่ยว Logistics  และ ธนาคาร หลังกำไรหุ้นกลุ่มนี้ออกมาดี รวมทั้งหุ้นที่นักลงทุนจะเข้ามาเก็งงบ 1Q  ด้วย

• copy trade ฝรั่งซื้อหุ้นวันก่อน :BBL, ADVANC, CPALL

• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ CRC, AWC* ออก และนำเอา SPA, AAV, KTC เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย SPA(10%), AAV(10%), KTC(10%) , MAKRO(10%), TOP(10%),  WICE(10%),  CENTEL(10%)

 

Strategy Stock Pick

SPA: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 8.00 บาท) “รัฐผ่อนคลายโควิด SPA พร้อมรับ นทท. ต่างชาติ”

• เตรียมรับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรให้ต่างชาติเข้าไทยไม่ต้องตรวจ ATK, RT-PCR หนุนยอดใช้บริการใน SPA สาขา ภูเก็ต-พัทยา และ กทม.

• ปัจจุบัน SPA สามารถกลับมาเปิดแล้ว 80% (มากกว่า 50 สาขา) จากทั้งหมด 68 สาขา และหาก นนท. กลับมามากกว่าคาด ลุ้นการ Turn around ของกำไรในปี ‘22

• KTBST ประเมินผลการดำเนินงานปี 2022 ขาดทุนเล็กน้อยที่ 10 ลบ. ส่วนปี 2023 พลิกกลับมามีกำไรที่  163 ลบ. ตามลำดับ

 

Technical : PSL, SPVI

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง