ทรัมป์-ปูติน ประชุมร่วมที่อะแลสกาเสร็จสิ้น "ยังไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น" เกี่ยวกับสงครามในยูเครน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย หารือร่วมกันในที่ประชุมสุดยอดสหรัฐฯ - รัสเซีย ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) ที่รัฐอะแลสกา ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและยุติสงครามในยูเครน แต่ในการประชุมครั้งนี้ไม่มีประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เข้ามาร่วมประชุมด้วย 

ภายหลังการประชุมที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเกือบ 3 ชั่วโมง จากที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าอาจใช้เวลานาน 6-7 ชั่วโมง ทรัมป์ และ ปูติน ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกันท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก  ทรัมป์กล่าวว่า “ยังไม่มีข้อตกลงจนกว่าจะมีการตกลง” แต่มี “ความคืบหน้าอย่างมาก” เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ในขณะที่ฝั่งปูตินกล่าวว่าเขา “มีความสนใจอย่างจริงใจ” ที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครน เขากล่าวด้วยว่าสาเหตุหลักของสงครามจะต้องถูกขจัดออกไปเพื่อให้สงครามในยูเครนยุติลง นอกจากนี้ปูตินยังได้เตือนไปถึงผู้นำยูเครนว่าไม่ควรเข้ามาแทรกแซงกับความคืบหน้าที่กำลังก่อตัวขึ้น แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งผู้นำทั้งสองไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม ขณะที่การประชุมร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ - รัสเซีย ในครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นที่กรุงมอสโก 

ส่วนหัวข้ออื่น ๆ ที่มีการกล่าวถึง ปูตินเผยว่าเขาเห็นด้วยว่าควรมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน และกล่าวชื่นชมทรัมป์ว่า สงครามในยูเครนคงจะไม่เกิดขึ้นหากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีในปี 2022 อย่างไรก็ตามหลังจากการประชุมในครั้งนี้จบลง ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะติดต่อกับนาโต ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงผลการหารือระหว่างเขาและปูติน 

สำหรับบุคคลสำคัญทั้งฝั่งสหรัฐฯ และรัสเซีย ที่มาร่วมการประชุมในครั้งนี้นอกเหนือจากทรัมป์และปูติน ยังประกอบด้วย เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย, มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ, ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยทำเนียบประธานาธิบดีเครมลิน และ สตีฟ วิทคอฟฟ์ เจ้าหน้าที่ทูตพิเศษของสหรัฐฯ จากการแต่งตั้งของทรัมป์ 

ทั้งนี้ CNN รายงานว่าการแถลงข่าวนี้มีบางสิ่งที่น่าสนใจที่เป็นการทำลายขบนธรรมเนียมแบบเดิม คือ การที่ประธานาธิบดีปูตินเป็นฝ่ายเริ่มการแถลงข่าว แม้ว่าโดยปกติแล้วจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่เป็นฝ่ายเริ่มแถลงเนื่องจากสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพการประชุมในครั้งนี้ อีกทั้งปูตินยังออกมายอมรับต่อหน้าสื่อมวลชนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียได้ย่ำแย่ลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย