ด้วยภาพลักษณ์ของกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนิเซียเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประสลปัญหามลพิษมากที่สุดเมืองหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บริษัทขนส่งในเมืองเริ่มมองหาโอกาสที่จะปรับมาใช้ยานพาหนะที่เป็นไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายเร่งด่วนที่ประเทศขาดโครงสร้างพื้นฐานในการปรับเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะที่เป็นไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบในวงกว้าง ความพยายามของภาคเอกชนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในการร่วมแก้ปัญหาเรื่องนี้ เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นเร่งด่วนในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีผู้ลงนามในงาน Paris Climate Accord ปี 2558 เกี่ยวกับเคสนี้ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมใดๆให้เห็นได้เลย บริษัท Grab จากสิงคโปร์ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าทางบริษัทมีนโยบายจะเพิ่มยานพาหนะแบบไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อยี่ห้อฮุนได 20 คันและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจาก Gesits 10 คัน ไปยังกรุงจาการ์ตาในเดือนมกราคมปีหน้าโดยมีเป้าหมายที่จะให้บริการรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 500 คันภายในสิ้นปี 2563 โดยที่แบรนด์ Gesits ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเป็นผู้ผลิตสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารายแรกของประเทศอินโดนีเซีย Photo by Adrian Pranata on Unsplash การย้ายครั้งนี้จะช่วยให้เราหาวิธีแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่สูงขึ้นและกระตุ้นให้ผู้คนหันมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้ามากขึ้นไม่เพียง แต่ในอินโดนีเซีย แต่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย” Ridzki Kramadibrata ประธาน ของ Grab อินโดนีเซียได้กล่าวไว้ ในขณะทางด้านของ Transjakarta บริษัทเจ้าของรถบัสในกรุงจาการ์ต้าจะเริ่มมีการทดลองเล่นรถบัสไฟฟ้าเป็นจำนวนประมาณ 20-50คันในปีหน้า โดยที่ทางบริษัทเองเป็นเจ้าของผลงานรถต้นแบบจากทาง BYD เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้ ทางกรมการขนส่งของเมืองจาการ์ต้ายังไม่ได้อนุมัติการดำเนินงานของบริษัท ต้องใช้เวลาอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนรถบัสทั้งหมด 14,000 คันไปเป็นรถบัสไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2573 ภาพโดย grab.com รัฐบาลอินโดนีเซียมีความต้องการให้อินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางยานพาหนะด้านไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหวังว่าจะได้เห็นรถยนต์พลังงานใหม่รวมถึงรุ่นโมเดลไฟฟ้าเต็มรูปแบบประกอบด้วยส่วนแบ่งการตลาด 20% ภายในปี 2568 ซึ่งได้เสนอให้ภาษีนำเข้าลดลงและภาษีมูลค่าเพิ่ม การหักเงินในยานพาหนะไฟฟ้า นี่จจึงเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ Grab และ Blue Bird ผลักดันให้เกิดการใช้ยานพาหนะไฟฟ้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามความคืบหน้าที่จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเต็มรูปบบจะต้องรอไปจนกว่าจะถึงปี 2564 Michael Tene หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนของ Blue Bird กล่าวว่าแน่นอนว่าเราไม่สามารถสร้างระบบนิเวศของยานพาหนะไฟฟ้า หรือ EV ได้เช่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีชาร์จ และ Tene เสริมว่ากฎระเบียบใหม่ไม่สามารถมาเร็วพอเนื่องจาก บริษัท คือ ยังคงประกอบกองทัพเรือภายในภาษีที่มีอยู่ ประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในแหล่งสำรองนิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า และเชื่อว่าเป็นประเทศที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผลิตยานพาหนะไฟฟ้า หรือ EV ในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้การมีตลาดรถไฟฟ้าในประเทศที่ตื่นตัวและกำลังเฟื่องฟูก็จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติมีแรงจูงใจในการลงทุนในประเทศมากขึ้น อย่างแบรนด์ฮุนไดมอเตอร์ของเกาหลีใต้และโตโยต้ามอเตอร์ของญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นที่จะจัดตั้งโรงงานในอินโดนีเซียโดยมีจุดประสงค์เพื่อผลิตรถไฟฟ้าโดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้นี้ เครดิตบทความข่าวจาก /asia.nikkei.com รูปหน้าปก Photo by grab.com