เมื่อวันที่ 23 มีนาคมของปีพ.ศ. 2568 ช่วงตีสามกว่าตามเวลาประเทศไทย ทางค่ายผู้พัฒนาเกมมายคราฟก็ได้มีการจัดรายการ Minecraft Live ขึ้นครั้งแรกหลังจากเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการอัปเดตมาเป็นปล่อยฟีเจอร์ย่อยปีละหลายครั้ง รอบนี้ผมคิดว่าพวกเขาทั้งประกาศฟีเจอร์ใหม่ และอัปเดตฟีเจอร์เหล่านั้นเข้าเกมไวขึ้นมากเมื่อเทียบกับอัปเดตครั้งก่อน ๆ เพราะว่าอีกสองวันถัดจากรายการ Minecraft Life ออกอากาศไป ฟีเจอร์ครึ่งหนึ่งที่พวกเขาประกาศมาจะถูกเพิ่มเข้าเกมแล้ว ก่อนที่จะมีการจัดรายการในทุกครั้ง เหล่าแฟนเกมก็จะได้รับการแจ้งข่าวสารเล็กน้อยผ่านช่องทางออนไลน์ของมายคราฟอยู่เป็นประจำ จากบทความก่อนที่ผมรู้ว่าจะมีอะไรถูกอัปเดตเข้ามาบ้างก็เพราะติดตามมาจากช่องทางพวกนี้แหละครับ ทั้งสายพันธุ์สัตว์ที่จะแบ่งแยกออกไปตามสถานที่ที่สัตว์นั้นเกิด พื้นที่เขตร้อน, เขตหนาวเย็นหรือว่าเขตอบอุ่นก็จะมีหน้าตาของสัตว์ที่ต่างกัน ทั้งการปรับลูกเล่นให้มีเอฟเฟกต์ใบไม้ร่วงลงมาจากบล็อกใบไม้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการอัปเดต ฟีเจอร์จริงมีจำนวนมากกว่านั้นแน่นอน ด้วยเหตุนี้การตามดู Minecraft Live จึงเป็นสิ่งสำคัญหากว่าใครต้องการจะรับเอาข่าวสารมาอย่างเต็มรูปแบบ Spring to Life เป็นชื่อของอัปเดตครั้งนี้ โดยแต่ละอย่างที่ถูกอัปเดตเข้ามาจะเน้นไปที่การทำให้สภาพแวดล้อมของเกมมายคราฟมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบล็อกตกแต่งพวกหญ้า พุ่มไม้ ดอกไม้และบล็อกที่อาจพบเห็นได้ตามธรรมชาติอื่น ๆ เท่าที่ผมสังเกตดูในไลฟ์จะมีดอกไม้สีชมพูของกระบองเพชรจากไบโอมทะเลทราย มีดอกไม้ป่าสีเหลืองขาวจากใบโอมทุ่งหญ้า ใบไม้แห้งบนพื้นดินที่อาจปรากฏอยู่ในทุกไบโอม ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงจะเป็นพุ่มหิ่งห้อยประจำไบโอมบึงที่ทางมายคราฟได้เคยบอกไว้แล้ว ฟีเจอร์ยิบย่อยแต่ละอย่างก็ค่อนข้างถูกใจผมมากทีเดียว ตัวอย่างเช่น การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตัว Wandering Trader กับ Villager บางอาชีพ อาชีพที่ขายแผนที่ให้ผู้เล่นดูจะได้รับการปรับเปลี่ยนมากที่สุด ทีนี้ผู้เล่นสายผจญภัยก็ลองไปแลกของกับพวกเขาดูนะครับ เผื่อจะได้แผนที่นำทางที่น่าสนใจกว่าเดิม ฟีเจอร์เสียงในเกมก็เหมือนว่าจะต่างจากเดิมน่าดู โดยปกติแล้ว เสียงในเกมมายคราฟจะเกิดจากการที่ผู้เล่นเคลื่อนตัวไปในพื้นที่ที่ถูกตั้งไว้ให้เล่นเสียงนั้น ๆ แต่เมื่อมีการอัปเดตครั้งนี้ขึ้น เสียงบางเสียงของไบโอมจะถูกปล่อยโดยบล็อกประจำพื้นที่แทน เห็นได้จากคลิปรายการ Minecraft Live ที่เมื่อวางต้นพุ่มหิ่งห้อยลงเหนือบล็อกดิน ก็จะมีเสียงของหิ่งห้อยแทรกมากับเสียงคลอเบา ๆ ของไบโอมบึง การปรับฟีเจอร์เสียงแบบนี้จะเหมาะกับผู้เล่นสายสร้างที่จะไม่ได้เป็นเพียงการเอาบล็อกมารวมกัน เพื่อสร้างเฉพาะสิ่งก่อสร้างอีกแล้ว แต่ยังเป็นการเอาเสียงที่ปล่อยจากบล็อกเหล่านั้นมาสร้างบรรยากาศแบบใหม่ให้พื้นที่ของพวกเขาอีกด้วย ทั้งหมดที่ผมได้เขียนมาก่อนหน้านี้ เป็นฟีเจอร์ที่จะถูกอัปเดตเข้ามาในวันที่ 25 มีนาคม ปีพ.ศ. 2568 ยังไม่รวมไปถึงฟีเจอร์ที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงกลางหรือไม่ก็ปลายปีอีกชุดหนึ่ง โดยที่ช่วงที่สองของการอัปเดต ทางค่ายผู้พัฒนาเกมมายคราฟจะเพิ่ม Shader อย่างเป็นทางการขึ้นมา ชื่อว่า Vibrant Visual Vibrant Visual จากทำให้โลกมายคราฟของคุณสดใสขึ้นตามชื่อ แสงจากดวงอาทิตย์ที่ปกติจะมีหน้าที่เพียงให้ความสว่างแก่สรรพสิ่งในตอนเช้า (แล้วก็ปิ้งเจ้าพวก Hostile Mob) เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์แสงนี้ ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์เหมือนแสงและเงาในโลกแห่งความจริงมากขึ้น เงาที่จากจากบล็อกหรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตไม่เป็นรูปวงกลมอย่างที่พวกเราเคยสงสัยกัน ว่าทำไมถึงยังมีรูปทรงอื่นในเกมทรงสี่เหลี่ยม กลับกัน เงาที่ได้จะมาเป็น pixel ทอดยาวไปตามส่วนที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง ด้วยความที่รายละเอียดการส่องแสงมีมากขึ้นแล้ว พื้นที่แสงน้อยต่าง ๆ ก็จะมีความโดดเด่นขึ้น Mob ตัวไหนที่สมควรจะมีดวงตาเรืองแสง ก็จะส่องสว่างยิ่งขึ้นในตอนกลางคืน สร้างทั้งความน่ากลัวและความสวยงามให้กับเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับไปได้อย่างกลมกลืน มากไปกว่านั้น Vibrant Visual ยังส่งผลต่อพื้นผิวน้ำ ให้พวกมันสามารถสะท้อนเงาบล้อกเหนือผิวน้ำแล้วก็แสงแดดได้แล้ว คอยดูได้เลยนะครับ ถ้าฟีเจอร์แสงนี้ถูกเพิ่มเข้ามา ภาพที่ผมถ่ายจากเกมมาอัปโหลดลงในบทความต่อจากนั้นจะสวยขึ้นหลายเท่าตัว (ถ้าตอนผมเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ไม่ทำให้เครื่องร้อนเป็นไฟเสียก่อนนะ) ทว่าในความน่ายินดีก็มีเรื่องน่าเสียดาย ตรงที่มันจะถูกเพิ่มเข้าไปในเกมภาค Bedrock ก่อน แถมยังจะเพิ่มให้เฉพาะกับอุปกรณ์ที่เข้ากันได้ด้วย ฉะนั้นผู้เล่นเกมมายคราฟภาค Java คงต้องรอกันไปก่อนนะครับอีกสิ่งที่จะถูกเพิ่มเข้ามาพร้อมฟีเจอร์แสง คือการอัปเดตเอาบล็อก Dried Ghast ไปตั้งไว้ตามโครงกระดูกยักษ์ในไบโอมพื้นที่รกร้าง มิติ Nether ว่ากันว่าเมื่อผู้เล่นนำบล็อกนี้ไปแช่น้ำเป็นเวลาหลายวัน มันจะค่อย ๆ มีหน้าตาที่ยิ้มแย้มขึ้น แล้วกลายเป็น Baby Ghast ในที่สุด ตอนที่ผมเห็นภาพของเจ้าตัวนี้ครั้งแรก ถึงกับต้องพูดขึ้นว่า "ใช้ได้แฮะ" เลย การท่องเที่ยวไปบนท้องฟ้าของโลก Overworld เป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานานแล้ว ไม่ใช่เป็นการเล่นในโหมดสร้างสรรค์ แต่เป็นการท่องในโหมดเอาชีวิตรอด แถมยังไม่ต้องใช้ปีกจากมิติ The End ด้วย เพราะเมื่อเจ้า Baby Ghast โตขึ้นเมื่อไหร่ มันจะกลายมาเป็น Happy Ghast ที่ทั้งมีหน้าตาเป็นมิตรและไม่โจมตีผู้เล่น แถมยังให้ผู้เล่นขึ้นขี่บนหัวของมันได้ถึงสี่คนด้วยกัน ถ้านั่นยังไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นแล้ว ผมอยากจะบอกว่า บนหัวของ Happy Ghast สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับให้เรายืนได้อีกต่างหาก เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะสร้างสิ่งก่อสร้างลอยฟ้า หรืออะไรก็ตามที่อยู่เหนือพื้นสุด ๆ ผมจะละรายละเอียดไว้เท่านี้ก่อน ไว้บทความหน้าผมจะมาพูดถึงความสามารถของสิ่งมีชีวิตตัวใหม่อย่างเต็มรูปแบบทีหลังนะครับ หลังจากที่อ่านบทความนี้ไป เป็นอย่างไรกันบ้าง ผู้อ่านอยากลองเล่นฟีเจอร์ไหนมากที่สุดหรือครับ ส่วนตัวผมอยากเห็น Shader ที่ทางเกมมายคราฟทำนะครับ ตอนที่ผมเล่นเกมครั้งต่อ ๆ ไปจะได้ไม่ต้องเปิด Shader ที่โหลดจากแหล่งอื่นแล้ว น่าจะเป็นภาพที่เจ๋งน่าดู เอาเป็นว่า หากผู้อ่านต้องการแบ่งปันความคิดเห็นก็สามารถมาพูดคุยกันได้นะครับ บทความนี้ก็คงต้องจบลงก่อน สวัสดีครับ เครดิตรูปภาพ ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดมาจากเกม Minecraft ที่ผู้เขียนเล่น เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !