ILINK ธุรกิจวิศวกรรมเด่น เล็งเป้าแบ็กล็อกพุ่ง3เท่า
ILINK ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 8-10% จาก 3 ธุรกิจหลักนำทัพ ขณะที่การประมูลเคเบิลใต้ทะเลเกาะเต่า มูลค่า 1,786ล้านบาท คาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 3/65พร้อมตั้งเป้า Backlog ในธุรกิจวิศวกรรม เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 517 ล้านบาท และมีแผนจะนำบริษัทย่อย IPOWER เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
นางสาววริษา อนันตรัมพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 8-10% จากปีก่อน ซึ่งใน 3 ธุรกิจมีการเติบโต ทั้งธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ, ธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจวิศวกรรม เกี่ยวกับการเป็นผู้รับเหมาติดตั้งโครงการขนาดใหญ่ เช่น งานโครงการสายเคเบิลใต้น้ำ หรือโครงข่ายสายใยแก้วนำแสง รวมถึงงานโครงการระบบสายส่งไฟฟ้าสายไฟฟ้าใต้ดินเป็นต้น
ทั้งนี้ แยกตามเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในแต่ละธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 12-20% ซึ่งในไตรมาส 1/2565เติบโต 20% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 8%มองว่าความต้องการใช้สายสัญญาณยังมีจำนวนมาก ผลจากการเข้าสู่ยุคของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงบริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และต่อยอดความสำเร็จสร้าง New S-curve ซึ่งในไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการด้านสื่อสารและอินเทอร์เน็ตประมาณ 54% และจัดจำหน่ายให้กับร้านค้า 44%ส่วนอีก 2% เป็นการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด
ธุรกิจด้านวิศวกรรมพีค
ส่วนธุรกิจด้านโทรคมนาคม ที่ดำเนินการภายใต้ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 27-30% ซึ่งปัจจุบัน ITEL มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,563 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ใน 9 เดือนที่เหลือของปีนี้จำนวน 1,909 ล้านบาท และที่เหลือก็ทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2568ขณะที่แนวโน้มธุรกิจยังเติบโต ตามความต้องการของการให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง และธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์
และธุรกิจด้านวิศวกรรม ในปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีงานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ขึ้นมาอยู่ในระดับกว่า 2,000 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 1/2565 มีงานในมืออยู่ที่ 517 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด ประมาณ 40%จะรับรู้ภายในไตรมาส 2/2565 และอีก 60% จะรับรู้ในครึ่งหลังปีนี้ คาดว่ารายได้จากธุรกิจวิศวกรรมปีนี้จะอยู่ในระดับประมาณ 1.0-1.4พันล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธิตั้งเป้าว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5% โดยงานที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ งานก่อสร้างสถานีย่อยพุทธมณฑล ซึ่งมีมูลค่า 617 ล้านบาท ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) แล้ว คาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 3/2565ซึ่งงานนี้จะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 20%
คว้างานเคเบิลใต้น้ำ
ส่วนโครงการเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่า มูลค่า 1,786 ล้านบาทนั้น ILINK เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอตรวจสอบเอกสาร คาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการได้ในไตรมาส 2/2565และคาดว่าจะเข้าไปดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 3/2565และยังมีโครงการเคเบิลใต้น้ำ เกาะสมุย มูลค่า 1,230 ล้านบาท ซึ่ง ILINK ก็เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด แต่ยังไม่ได้ประกาศผู้ชนะ และอยู่ระหว่างรอดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งในไตรมาสแรกปีนี้สามารถทำรายได้อยู่ที่ 156 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ว่าไตรมาสแรกจะเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจนี้ และคาดว่าผลดำเนินงานจะเริ่มดีตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป เพราะจะมีการส่งมอบงานโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่
สำหรับสัดส่วนรายได้ใน 3 ธุรกิจของบริษัทในไตรมาส 1/2565 จะมาจากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ อยู่ที่ 48% ธุรกิจโทรคมนาคมอยู่ที่ 41% และธุรกิจด้านวิศวกรรม อยู่ที่ 11%
ดันบ.ย่อยเข้าตลาดหุ้น
นางสาววริษา กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทย่อย บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ IPOWER เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-3ปีข้างหน้า ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมที่จะเข้ามาจดทะเบียน โดยขณะนี้ ILINK ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 95.07%
ขณะเดียวกันบริษัทก็จะกลับมาเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้จากล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลรวม 0.38 บาทต่อหุ้นแบ่งเป็นการจ่ายปันผลประจำปีที่ 0.14 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลพิเศษอีก 0.24 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 4.55%โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 นี้