“คนละครึ่งพลัส” 7 วัน ยอดใช้จ่ายทะลุ 1.47 หมื่นล้านบาท เดินหน้าเฟส 2

โครงการ "คนละครึ่งพลัส" ยังคงได้รับการตอบรับอย่างสูง โดย นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิ จนถึงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 4 พฤศจิกายน ว่ามีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการสำเร็จแล้วกว่า 18 ล้านคน คิดเป็นยอดใช้จ่ายรวมกว่า 14,731 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 7,481 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่าย 7,299 ล้านบาท ขณะที่ร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วมีจำนวน 843,957 ราย

คลังเน้นย้ำ เหลือ 1.9 ล้านคนต้องรีบใช้สิทธิครั้งแรก

ปลัดกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำไปยังประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัสทั้ง 20 ล้านคน ให้เร่งใช้สิทธิครั้งแรก ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้ หากพ้นกำหนดจะถูกตัดสิทธิ โดยปัจจุบันเหลือเพียง 1.9 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิครั้งแรก

นายลวรณยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่นำสิทธิที่ถูกตัดมาเปิดลงทะเบียนรอบเก็บตกอย่างแน่นอน แต่จะนำสิทธิดังกล่าวไปใช้ใน โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 โดยจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชาชนที่ตกหล่น ลงทะเบียนไม่ทัน หรือกลุ่มที่ควรได้รับสิทธิแต่ยังไม่ได้รับสิทธิเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเฟส 2 ได้เร็วที่สุดหลังหารือในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

การตรวจสอบการฉวยโอกาสขึ้นราคา: ย้ำห้ามบวก VAT-ลงโทษเข้ม

ประเด็นร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ยังคงเป็นข้อกังวล โดยมีคำชี้แจงจากทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์  โดยนายลวรณยืนยันว่า ร้านค้าไม่สามารถบวกภาษี VAT เพิ่มเติมได้ เนื่องจากตามระบบแล้วราคาสินค้าสุทธิต้องรวมภาษีเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่าบางกรณีอาจเป็นความเข้าใจผิด และต้องอธิบายให้ร้านค้าเข้าใจ

ทางด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือขายสินค้าสูงกว่าราคาเงินสดจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการปรับเป็นพินัยเพื่อตักเตือนไว้ก่อน หากพบฝ่าฝืนซ้ำจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

รัฐบาลย้ำ ข้อมูลร้านค้าไม่ส่งให้สรรพากร

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความกังวลของร้านค้าที่เข้าใจผิดว่า ต้องบวกส่วนต่างไว้เพื่อเตรียมจ่ายภาษีที่อาจสูงเหมือนโครงการครั้งก่อน โดยยืนยันว่า

"ข้อมูลของร้านค้าที่ใช้ในโครงการ 'คนละครึ่งพลัส' จะถือเป็นข้อมูลลับ ไม่มีการเปิดเผยให้บุคคลภายนอก และไม่มีการส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลรายได้ให้กับกรมสรรพากร ขอให้พ่อค้าแม่ค้าสบายใจ อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง"

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำโทษทางกฎหมายสำหรับร้านค้าที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากไม่ปิดป้ายราคาจะมีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท และหากขายเกินราคาหรือเอาเปรียบผู้บริโภค มีโทษปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือจำคุกถึง 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ