พิธีกินอ้อผญา : การเสริมปัญญาของชาวล้านนา พิธีกินอ้อผญาคือพิธีกรรมของชาวล้านนา ขะจัดเมื่อจะมีการเรียนวิชาการต่าง ๆหรือเรียนวิชาคาถาอาคม อาจารย์ผู้สอนจะทำพิธีเสกอ้อผญาเพื่อให้ผู้เรียนเกิดสติปัญญาและความจำในการเรียนวิชานั้น อ้อคือกระบอกไม้อ้อความยาวราว ๓ ข้อนิ้วของผู้ที่จะกินอ้อผญาแล้วบรรจุน้ำผึ้ง ผญา คือปัญญานั่นเอง เมื่อทำพิธีเสกอ้อแล้วจะนำกระบอกอ้อตั้งจิตอธิษฐานให้มีสติปัญญาดี ความจำเป็นเลิศและประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนแล้วขบ(กัด)ให้กระบอกอ้อแตก ดื่มน้ำผึงจนหมดแล้วโยนกระบอกอ้อนั้นข้ามศีรษะไปด้านหลังทางช่องประตู หน้าต่าง(ป่อง)หรือลงน้ำล่องไป โดยถือเอาเคล็ดว่าคิดอันใดให้ขบคิดให้แตก ทะลุปรุโปร่ง เรียนโดยไม่มีอุปสรรคขัดขวางนั่นเอง ในสมัยโบราณเชื่อกันว่าผู้ที่ผ่านพิธีนี้จะมีสติปัญญาเฉียบแหลมสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วและจดจำได้มากรวมไปถึงเชิงวาทศิลป์และมีเสน่ห์ในการแสดงอีกด้วย กลุ่มผู้นิยมในการกินอ้อมักได้แก่ พระสงฆ์ทั่วไป พระนักเทศน์และกุลบุตรทั่วไปที่ใฝ่การศึกษา โดยเฉพาะช่างซอหรือนักขับซอจะต้องผ่านพิธีนี้ทุกคน ผู้ที่ทำหน้าที่เสกอ้อผญามักจะเป็นพ่อครู พ่ออาจารย์หรือพระสงฆ์ ปัจจุบันการ“กินอ้อผญา”มีการฟื้นฟูกลับมาใช้มากขึ้น ส่วนใหญ่จะนิยมกันในหมู่นักเรียนนักศึกษา ช่างซอ ผู้เรียนภาษาล้านนาและนักเทศน์ ในสถาบันที่เห็นความสำคัญจะจัดให้มีพิธีดังกล่าวต่อจากพิธีไหว้ครูซึ่งเป็นกิจกรรมประจำปีของสถาบันการศึกษาอยู่แล้ว อาทิ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์นเชียงใหม่ โรงเรียนหอพระ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น เนื่องจากเป็นการเสกอ้อคราวละจำนวนมากผู้ที่ทำพิธีเสกอ้อผญาจึงเป็นพระสงฆ์ที่มีความชำนาญพิธีกรรมล้านนา ชาวล้านนามีความเชื่อจากคำสอนทางพระพุทธศาสนาและผสานความเชื่อดั้งเดิมเข้าด้วยกัน คนโบราณมีกุศโลบายมุ่งผลไปที่ด้านจิตใจโดยเฉพาะในด้านการศึกษาเล่าเรียนเป็นสิ่งที่ชาวล้านนาให้ความสำคัญและตระหนักว่าคนเราเกิดมานั้นระดับสติปัญญา การเรียนรู้ของคนนั้นแตกต่างกัน ไป พิธีกินอ้อผญาเป็นพิธีทางจิตวิทยาเพื่อช่วยให้การเล่าเรียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นกระบวนการที่ช่วยลดปมด้อยของคนที่คิดว่าตนเองมีความจำไม่ดี สติปัญญาไม่ดี ไม่ปลอดโปร่ง ทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่สมองดีอยู่แล้วด้วย การแบ่งประเภทของอ้อ ครูบาอาจารย์ท่านจำแนกจากคาถาที่ใช้เสกอ้อหรือจุดมุ่งหมายของผู้เข้าพิธีกินอ้อผญา โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น ๕ ประเภท ๑. อ้อผญา ผู้ใดกินแล้วชื่อว่าจะมีสติปัญญา ปฏิภาณ ไหวพริบดี จดจำได้ดี เหมาะสำหรับ นักเรียน นักศึกษา ผู้เริ่มเรียนภาษาล้านนา เป็นต้น ๒. อ้อเว้า อ้อจ๋า ผู้ใดกินแล้วเชื่อว่าจะเป็นผู้ช่างพูดช่างเจรจา พูดแล้วมีคนชื่นชอบ เหมาะสำหรับศิลปิน นักร้อง โฆษก นักพูด พ่อค้า แม่ค้า เป็นต้น๓. อ้ออาจิณจำ หรืออ้อธรรมพระเจ้า ผู้ใดกินแล้วเชื่อว่าจะเรียนธรรม บาลี เลขยันต์ดี เหมาะสำหรับพระสงฆ์ สามเณร ผู้เรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆ๔. อ้อสัพพะวิชา หรืออ้อสรรพช่าง ผู้ใดกินแล้วเชื่อว่าจะมีฝีมือชำนาญงานหัตถศิลป์ งานฝีมือเชิงช่าง เหมาะสำหรับผู้เริ่มเรียนงานช่างฝีมือต่างๆ๕. อ้อภูมิวิสัย ผู้ใดกินแล้วเชื่อว่าจะเจริญรุ่งเรือง มียศศักดิ์ เมตตามหานิยม เหมาะสำหรับข้าราชการประชาชนทั่วไป ก่อนจะมีพิธีเสกอ้อจะต้องมีการขึ้นขันตั้งอันเป็นเครื่องบูชาครูเพื่อมอบให้แก่ผู้ทำพิธีเสกอ้อ ตามตำราของท่านพระครูอดุลสีลกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดธาตุคำ เมืองเชียงใหม่ ขันตั้งกินอ้อผญา ประกอบด้วย๑. สวยดอก ๓๖ คือ กรวยใบตองใส่ดอกไม้ ข้าวตอกและเทียน ๑ คู่ จำนวน ๓๖ กรวย๒.สวยหมากพลู ๓๖ คือ กรวยใบตอง ใส่พลู ๒ คู่และหมากแห้ง ๔ แว่น จำนวน ๓๖ กรวย๓.เบี้ย ๑,๓๐๐ คือ เบี้ยร้อยเป็นสาย จำนวน ๑๓ สาย๔. หมาก ๑,๓๐๐ คือหมากผ่าร้อยเป็นเส้นตากแห้ง จำนวน ๑๓ สาย๕.เทียนเล่มบาท ๑ คู่ เล่มเฟื้อง ๑ คู่ คือเทียนหนัก ๑ บาทและหนัก ๑ เฟื้องอย่างละคู่๖. เทียนเล็ก ๘ คู่ ๗. ผ้าขาววาผ้าแดงวา คือ ผู้โทเรสีขาวและแดง ยาวสีละ ๒ เมตร๘.ข้าวเปลือกหมื่น คือ ข้าวเปลอก(ข้าวเหนียว)ประมาณ ๑๐ ลิตร๙.ข้าวสารพัน คือข้าสาร(ข้าวเหนียว)ประมาณ ๑ ลิตร๑๐.กล้วย ๓ หวี หรือ ๑ เครือ๑๑. อ้อย ๓ แบก คือ อ้อย ๓ มัด มัดละ ๔ ท่อน๑๒. มะพร้าว ๓ ผล หรือ ๑ ทะลาย๑๓.เงิน ๑๐๘ บาท หรือมากกว่านั้นตามความเหมาะสมขันตั้งนี้ใช้สำหรับอ้อทุกประเภท พิธีเสกอ้อผู้ทำพิธีอาจเสกเป็นชนิดๆไปหรือเสกรวมทุกชนิดก็ได้ตามความเหมาะสม แต่ควรแยกกระบอกอ้อเป็นชนิดๆไป พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญในการทำพิธีเสกอ้อผญาในปัจจุบัน ได้แก่ พระครูอดุลสีลกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดธาตุคำ เจ้าคณะตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผู้เขียนจะได้นำประวัติของท่านมานำเสนอในโอกาสต่อไป ภาพปกและภาพประกอบ โดย ผู้เขียน