" บทเรียนชีวิตจากการเดินทางบนรถไฟ " ฉันผู้รักการเดินทางด้วย "รถไฟ" นึกย้อนถามชีวิตตัวเองเลยได้ตกตะกอนว่า "ชีวิตคนเราเหมือนรถไฟ มันไม่เคยหยุดอยู่ที่เดิม และบางสถานีก็มีไว้เพื่อจากลา" ซึ่งฉันก็เชื่อเเบบนั้นเสมอมา วันนี้ คิดส์คุณภาพ มาเเชร์เรื่องราว่านประสบการณ์ของตัวเอง ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ชอบนั่งรถไฟคนเดียว ยิ่งรถไฟสายยาวเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งสงบมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่แน่ใจว่าฉันรักการเดินทาง หรือจริง ๆ แล้ว ฉันกำลังวิ่งหนีบางอย่างในชีวิตกันแน่ แต่ทุกครั้งที่รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานี ฉันรู้สึกเหมือนทุกความเจ็บปวดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ฉันจำครั้งแรกที่ขึ้นรถไฟได้ดี…วันนั้นฉันเคยถูกลืมจากกลุ่มเพื่อน เเละฉันได้ขึ้นจากขบวนไหนไม่รู้ที่กำลังจะเคลื่อนที่อกไปยังสถานี เเต่สายตาดันเห็นเพื่อนอยู่อีกขบวนหนึ่ง เลยตัดสินใจลงอย่างไว เรื่องราวนั้นทำให้ฉันรู้ว่า โลกใบนี้บางทีเราก็อาจเป็นผู้ถูกลืม ฉันเลยตั้งปณิฐานกับตัวเองว่าสักวันฉันจะสามารถไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยรถไฟ โดยไม่ใช่เป็นผู้ถูกทิ้งเเละผู้ถูกลืม พอผ่านช่วงเวลานั้นฉันค่อยๆทลายความกลัวนั้นออกไปทีละนิดๆ เลยซื้อตั๋วไปเดินทางไปกรุงเทพฯเเบบไม่คิดมาก แค่รู้สึกว่าต้องออกไปจากตรงนั้น ต้องหนีจากความกลัวให้ได้อย่างที่ตั้งใจ "บนรถไฟคืนนั้น ฉันได้บทเรียนแรกว่า ทุกขบวนต้องจากสถานีเดิมเพื่อไปถึงที่ใหม่ " รถไฟไม่เคยหันหลังกลับ มันมีแต่ไปข้างหน้า และถึงแม้บางครั้งจะต้องจอดรอนาน หรือเจอเส้นทางที่ขรุขระ แต่ปลายทางก็ยังรออยู่เสมอ…เหมือนชีวิตที่แม้จะเจอวันที่แย่แค่ไหน มันก็ยังต้องเดินต่อไป รถไฟมีวิวที่ชมสวยๆหลายฉาก เพื่อให้เราลืมฉากเก่าเเล้วทดเเทนด้วยฉากใหม่ รถไฟมีหน้าต่างหลายบานเพื่อให้เราได้รู้ว่ายังมีทางออกให้เราคิดได้เสมอ หลายปีต่อมา ฉันก็ยังนั่งรถไฟอยู่เสมอ บางครั้งก็ไม่มีจุดหมายแค่ซื้อตั๋วแล้วขึ้นไปนั่งมองทุ่งนา เห็นเด็กๆ โบกมือให้จากริมทาง เห็นแม่ค้ามาขายข้าว ขายขนม ขายน้ำ ใดๆยิ้มให้กันโดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ ฉันได้เรียนรู้ว่า!! คนแปลกหน้าบนรถไฟบางคน ทิ้งร่องรอยไว้ในใจได้มากกว่าคนที่รู้จักกันมาทั้งชีวิต "รถไฟสอนให้ฉันรู้จักการรอคอย แต่ก็ไม่ใช่รอไปตลอดชีวิต " บางขบวนล่าช้า บางขบวนเร็วกว่ากำหนด แต่ไม่มีขบวนไหนเลยที่หยุดอยู่กับที่ รถไฟอาจพาเราช้า แต่ก็มาถึงเสมอ ชีวิตฉันเองก็เช่นนั้น ฉันเคยรอทำอะไรบางอย่างโดยรอคอยเเต่โชคชะตาทั้งที่ฉันยังมีหลายอย่างที่อยากทำเเต่ไม่ได้ลงมือทำสักที พลันทำให้รู้ว่า "ถ้าเรารออยู่แต่ที่สถานี เราอาจไม่มีวันไปถึงไหนเลย " ฉันเริ่มเปลี่ยนความคิด จากการล้มเหลวอยู่นับไม่ถ้วน กลายเป็นคนที่ยอมขึ้นรถไฟขบวนใหม่ แม้ไม่รู้ว่าปลายทางจะดีหรือแย่ก็ตาม นั้นคือการได้ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ ทุกๆเรื่อง ที่เกี่ยวกับชีวิตที่ฉันต้องการ ตลอดชีวิตการเดินทางของฉัน ฉันพบว่ารถไฟไม่มีที่นั่งถาวร เราอาจได้นั่งข้างใครบางคนช่วงหนึ่งแล้วเขาก็ต้องลงไปที่สถานี เหมือนกับหลายคนที่เคยเข้ามาในชีวิตฉัน…พ่อ แม่ คนรัก เพื่อนเก่า ไม่มีใครอยู่กับฉันตลอดการเดินทาง แต่ทุกคนก็ทิ้งสิ่งสำคัญไว้เสมอ "คือความทรงจำ" ฉันชอบเก็บตั๋วรถไฟไว้ทุกใบ…มันเหมือนสมุดบันทึกของใจที่ไม่มีตัวอักษร บางใบพับยับเพราะถูกกำไว้แน่นในวันที่กลัวการเดินทางคนเดียว แต่สุดท้าย ฉันก็ยังเดินทางต่อ ตอนนี้ ฉันกลายเป็นผู้หญิงวัยสามสิบที่ยังชอบรถไฟเหมือนเดิม…แต่อาจมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ฉันไม่ได้ขึ้นรถไฟเพราะอยากหนีอีกต่อไป แต่ขึ้นเพราะรู้ว่าทุกการเดินทางมีบางอย่างให้เรียนรู้เสมอ แม้จะเป็นเพียงแค่การนั่งเงียบ ๆ มองฝนตกกระทบกระจก หรือฟังเสียงล้อรถไฟกระทบรางเป็นจังหวะซ้ำ ๆ มันก็ยังสอนให้ใจเราอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น บนรถไฟ…ฉันได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง มีคนเคยถามฉันว่า ถ้าชีวิตเป็นเหมือนรถไฟ แล้วปลายทางของฉันคืออะไร? ฉันยิ้ม และตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตราบใดที่ฉันยังหายใจ ฉันจะยังขึ้นรถไฟขบวนต่อไปเสมอ เพราะทุกการเดินทางมีบทเรียน และทุกบทเรียนล้วนหล่อหลอมให้ฉันเป็น "ฉัน" ในวันนี้ บางครั้ง การไปไม่ถึงเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า หากเราได้พบตัวเองระหว่างทาง และสำหรับฉัน รถไฟไม่เคยแค่พาไปถึงที่หมายแต่พาให้ใจฉัน “ถึงตัวเอง” เสมอ ขอบคุณค่ะ #คิดส์คุณภาพ #รถไฟ #TrueID ภาพปกโดย คิดส์คุณภาพ จาก canva ภาพประกอบทั้งหมดโดย คิดส์คุณภาพ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !