2เวนเจอร์ยักษ์ลงทุนOTAไทย กระตุ้นท่องเที่ยวปลอดภัย

#ทันหุ้น – KBANK ผนึก KTB ส่งบริษัทร่วมลงทุน ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มท่องเที่ยวสัญชาติไทย “Gother” ที่มีบริการควบวงจร ชูจุดเด่นใช้บริการได้บนแอพพลิเคชั่น K PLUS, Krungthai NEXT และเป๋าตังได้ทันที มั่นใจกดรับสิทธิประโยชน์-ส่วนลดได้อย่างปลอดภัย “ธนพงษ์” เผยเตรียมงบกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าลงทุนสตาร์ตอัปอีกอย่างน้อย 4 บริษัทส่งท้ายปี
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด บริษัทเงินร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital : CVC) ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในสตาร์ตอัป (Start Up) ที่สามารถเสริมศักยภาพ - ต่อยอดธุรกิจ (Synergy) ของธนาคารกสิกรไทย รวมถึงลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อระบบ Payment บริการทางการเงิน และการขยายฐานลูกค้าในอนาคต ด้วยกรอบวงเงินลงทุนกว่า 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันบริษัทเข้าลงทุนไปแล้วราว 27 บริษัทมูลค่าการลงทุนกว่า 190 ล้านดอลลาร์สหรรัฐฯ โดยมี 4 บริษ้ทที่มีนักลงทุนสนใจเข้ามาซื้อ Founder ไปต่อยอด และ 7 บริษัทที่สามารถเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้
“เนื่องจาก Founder คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสตาร์ตอัป Beacon Venture Capital ตระหนักถึงความสำคัญของการวางกรอบ และให้คำแนะนำแก่ Founder อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าเงินลงทุนถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
ล่าสุด บริษัท ร่วมกับ บริษัท กรุงไทย เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เพื่อเข้าลงทุนในบริษัท เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซชั่น จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มท่องเที่ยว Online Travel Agent (OTA) สัญชาติไทย “Gother” เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถจองบริการท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร มีบริการที่หลากหลาย สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการเนื่องจากสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS, Krungthai NEXT และเป๋าตังได้ทันที
“การให้บริการ OTA ที่อำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวเป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ที่ราว 30% ซึ่งปัจจุบันล้วนเป็นOTA ที่พัฒนาโดยต่างชาติ การเข้าลงทุนใน Gother เพื่อผลักดัน OTAสัญชาติไทยให้สามารถชิงมาร์เก็ตแชร์ให้ได้เพื่อให้เม็ดเงินไม่ไหลออกนอกประเทศ โดยจุดแข็งคือลูกค้าสามารถใช้บริการ Gotherได้ทันทีบนแอพพลิเคชั่นธนาคาร จึงมั่นใจว่าจะปลอดภัย”
จ่อลงทุนอีก 4 บริษัท
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนอีกราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าลงทุนสตาร์ตอัปเพิ่มอีกอย่างน้อย 4 บริษัท แบ่งเป็นสตาร์ตอัปผู้พัฒนา “ไคลแมกซ์เทค” (Climax TECH) 2 บริษัท บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีAI 1 บริษัท และ บริษัทผู้พัฒนาดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น 1 บริษัท คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2567 นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทรนด์ ‘ESG’ และกำลังมองหาสตาร์ตอัปที่สร้าง Impact เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) โดยเฉพาะสตาร์ตอัปที่พัฒนาเทคโนโลยีด้าน Climate Tech และ Energy ซึ่งสอดคล้องกับ Impact Fund ที่ได้จัดตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งแก้ปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“เทรนด์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายธุรกิจ มีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน Digital Tools ไม่ใช่เพียงแค่ช่องทางในการ ‘Go Digital’ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เช่นเดียวกับไคลแมกซ์เทค มีความสำคัญมากสำหรับการทำธุรกิจในอนาคต 2 บริษัทที่เตรียมเข้าลงทุนเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีการคำนวณคาร์บอนเครดิต สโคป 3 ซึ่งสามารถนำ Know How มาช่วยลูกค้าของธนาคารฯ ได้อย่างมาก ส่วนมาร์เก็ตติ้งโซลูชั่นก็เป็นปัจจัยสนับสนุนผู้ประกอบการได้อย่างมีนัยสำคัญ”