หลาย ๆ คนอาจจะงงหรือยังไม่เข้าใจว่า การเปลี่ยน active voice เป็น passive voice เนี่ย มันทำยังไงทำไมมันดูยากละสับสนจังเลย วันนี้เราจะมาอธิบายหลักการใช้สองตัวนี้พร้อมกับทริคการจำ และการสังเกตการเปลี่ยนง่าย ๆ ให้ทุกคนชมกันค่ะ ! ก่อนอื่นเลยเราจะต้องมาทำความรู้จักกับ passive voice และ active voice กันก่อนActive voice คือ รูปประโยคที่ประธานเป็นคนกระทำทริคการจำง่าย ๆ ก็คือ คำว่า active ก็คล้าย ๆ กับคำว่า activity หรือการทำกิจกรรมนั่นเอง เวลาเราทำกิจกรรม เราก็ต้องกระทำกับอะไรสักอย่างเพื่อจะได้กิจกรรมนั้นออกมา รูปแบบประโยคก็คือ พวก Tense ต่าง ๆ ที่เราเรียนกันในชีวิตประจำวันเลย ตัวอย่างเช่นTimmy is cleaning the car.ทิมมี่กำลังล้างรถ✰ ในประโยค Timmy เป็นประธาน ผู้ซึ่งกำลัง ล้างรถ✰ car เป็นกรรม ที่ถูกทิมมี่ล้าง Lisa ate pizza yesterday.เมื่อวานลิซ่ากินพิซซ่า✰ ในประโยค Lisa เป็นประธาน ผู้ซึ่ง กินพิซซ่า เมื่อวานนี้✰ pizza เป็นกรรม ที่ถูกลิซ่ากิน Passive voice คือ รูปประโยคที่ประธานถูกกระทำ คำว่า passive แปลว่า อยู่เฉย ๆ อยู่นิ่ง ๆ ถ้าจะให้จำง่าย ๆ คือ " เป็นประโยคที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องทำไร แค่รอคนอื่นมากระทำ " นั่นเอง รูปแบบประโยคก็คือ S + Verb to be + V.3 ( past participle ) ทริคการเปลี่ยนจาก active เป็น passive คือ ให้สังเกตรูปประโยคที่เป็น active จากโจทย์ก่อน ว่าเป็น tense ไหน ตัวอย่างเช่น Active : Timmy is cleaning the car.Passive: The car is being cleaned by Timmy. จากประโยคตัวอย่าง ถ้าโจทย์ให้ active มาแล้วเราต้องนำมาเปลี่ยนเป็น passive ให้นำ " กรรม " ขึ้นมาอยู่หน้าสุดของประโยค แล้วให้เปลี่ยนรูปแบบประโยคข้างหลัง เป็น verb to be + v.3 หรืออีกทริคการจำนึงหาก เราเจอ tense ที่เป็น • Present ประโยคจะต้องมี is / am / are และ V.3 เสมอ• Past ประโยคจะต้องมี was / were และ v.3 เสมอ• Continuous ประโยคจะต้องมี being และ V.3 เสมอ• Perfect ประโยคจะต้องมี have / has หรือ had ( รูปอดีต ) และ V.3 เสมอ• Future ประโยคจะต้องมี will และ V.3 เสมอและอีกหนึ่งอย่างก็คือ Modal verb หลัง modal verb จะต้องตามด้วย be + v.3 เสมอ เช่น Lisa ate pizza yesterday. ลำดับการเปลี่ยนเป็น passive ดูรูปประโยคก่อน ว่าเป็น tense ไหนหลังจากรู้ tense จากประโยคนั้นแล้ว ให้สังเกตต่อ ว่าตัวไหนเป็นกรรม ( จากประโยค pizza คือกรรม เพราะถูกลิซ่ากินเข้าไป )ให้นำกรรม เปลี่ยนขึ้นมาอยู่หน้าสุดของประโยคจากประโยคตัวอย่าง ate และ yesterday เป็นการบ่งบอกเวลาในรูปอดีต แปลว่าในประโยคนี้เป็นPast Simple Tense ดังนั้น จากทริคการจำด้านบน หากประโยคเป็น Past แปลว่า จะต้องมี was / were และ Verb 3 เสมอ จะเปลี่ยนรูปประโยคได้เป็น Pizza was eaten by Lisa yesterday. แล้วถ้า รูปประโยคเป็น past continuous หล่ะ จะเป็นยังไงกันนะ ? เช่น Active : We was celebrating Timmy's birthday yesterday at 8 pm.( พวกเรากำลังเฉลิมฉลองวันเกิดของทิมมี่เมื่อวานนี้ ตอนสองทุ่ม ) หากจะเปลี่ยนเป็น passive ก็ใช้วิธีเปลี่ยนตามทริคด้านบนเลย ! ดูก่อนว่าประโยคนี้เป็น tense อะไรหาว่าตัวไหนคือ กรรมนำกรรมขึ้นมาอยู่หน้าสุดของประโยค*** ในกรณีนี้ ให้แยกดูเป็น สองขั้นตอน - ดู verb to be ก่อน จากในประโยคเป็น was แปลว่าเป็นอดีต ใช้ past tense ( was / were + v.3 ) - ดูกริยาตัวถัดมา จากในประโยคเป็น celebrating แปลว่า เป็นการกระทำที่กำลังกระทำอยู่ ( ing ) ใช้ continuous tense ( being + v.3 ) จากนั้นก็ทำการเปลี่ยนรูปได้เลยจากประโยค Active : We were celebrating Timmy's birthday yesterday at 8 pm.Passive : Timmy's birthday was being celebrated by us yesterday. จากประโยคก็คือ นำ was ( ที่เป็น past ) + being ( ที่เป็น continuous ) + v.3 นั่นเอง*จากประโยคตัวอย่าง อย่าลืมสังเกต ประธาน / กรรม ที่ขึ้นประโยคกันด้วยน้า ว่าเป็น เอกพจน์ หรือ พหูพจน์* ตัวอย่างประโยคอื่น ๆ เช่น Active : Emma has been washing dishes for 10 minutes.Passive: Dishes have been being washed by Emma.( จากในประโยค dishes เป็นพหูพจน์ ดังนั้นต้องใช้ have ) Active : He will have been playing games for 2 hours.Passive: Games will have been being played for 2 hours by him. และนี่ก็คือทริคการสังเกตการเปลี่ยน active เป็น passive voice จากเรานั่นเองค่ะ หวังว่าทริคของเราจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นน้า อาจจะเขียนยาวหน่อย แต่เรารับรองว่าทุกคนจะเข้าใจเรื่องนี้ และได้ทริคจากเรื่องนี้มากขึ้นแน่นอน ! เครดิตภาพ :ภาพวาดโดย : ผู้เขียนบทความPhoto by Athena from PexelsPhoto by Malte Luk from PexelsPhoto by Pixabay7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์