ใคร ๆ ก็อยากมีบ้าน หรือมีที่อยู่อาศัยที่ใกล้เคียงกับความเป็นบ้าน บางคนอาจจะมีบ้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่บางคนอาจจะกำลังมองหาอยู่ และบางครั้ง หลาย ๆ คนที่อาจจะกำลังเช่าห้องพัก ณ ที่ไหนสักแห่ง อาจจะกำลังมองหาที่ ๆ พวกเขามีกำลังซื้อ และการมองหาดังกล่าวต้องไปให้ไกลกว่าคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จไปแล้ว และมีผู้เข้าไปอยู่อาศัยกันจนครบแล้ว แต่ต้องไปอยู่ที่ตึกมากมายที่กำลังก่อสร้างกันในหลาย ๆ ที่ สำหรับในกรุงเทพมหานครฯ หลายคนคงจะคุ้นชินกับภาพของการสร้างอาคารหลังใหญ่ในบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ที่พอเวลาผ่านไปเราก็ค่อย ๆ พบว่าอาคารหลังนั้นก็คือคอนโดมีเนียมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่ต้องการที่พักที่ติดสถานีรถไฟฟ้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นในปีก่อน ๆ หรือในปี พ.ศ.2562 หรือ ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา โครงการจากหลากหลายเจ้าของก็เกิดขึ้นในแทบทุกสถานี แต่ปัญหาของโครงการเหล่านั้นก็คือ ราคาที่ตั้งไว้อาจจะสูงไปสำหรับคนที่สนใจจะซื้อ ที่ถึงแม้ว่าจะอยากอยู่ใกล้รถไฟฟ้าแค่ไหนก็ตาม แต่ราคาที่อาจจะมากเกินไปก็ทำให้เลือกที่จะอยู่ที่พักเดิมมากกว่าจะขยับขยาย แน่นอนว่าเมื่อมีพื้นที่ซึ่งขายไม่ได้ ก็ต้องลงเอยด้วยการลดราคาหรือทำโปรโมชั่นสารพัดเท่าที่เจ้าของโครงการทั้งหลายจะนึกออก ในปี พ.ศ.2563 หรือ ค.ศ.2020 นี้ คอนโดมิเนียมเฉพาะในกรุงเทพฯ ได้ลดกำลังการผลิตลงเหลือที่ประมาณ 44,000 ยูนิต จากที่เคยผลิตมากถึง 60,000 กว่ายูนิต ที่ลดลงเหลือเพียงประมาณ 40,000 กว่ายูนิตในปีนี้ก็เพราะนี่เป็นยอดที่ปีที่แล้วขายได้ แปลว่าผู้ผลิตก็มีความระแวดระวังให้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน แล้วฝั่งผู้ซื้อล่ะ? ผู้ซื้อนั้นมีการลังเลที่จะตัดสินใจซื้อ โดยมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจเป็นตัวเสริมอยู่พอสมควร อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นน่ะครับ ถ้าไม่แน่ใจว่าจำเป็นขนาดนั้นจริง หรือมีกำลังซื้อพอจริง ๆ ก็อาจจะยังไม่ซื้อ สถานการณ์ที่นักธุรกิจหลายฝ่ายแอบเป็นกังวลก็คือ บางคนเลือกที่จะซื้อคอนโดมิเนียมเหล่านี้เก็บไว้ ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้งหลาย หรือที่อาจจะไม่อยู่ใกล้มากแต่ทำเลดี (ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หรือแหล่งชุมชน) โดยอาจจะซื้อมากกว่าหนึ่งแห่ง บางคนซื้อถึงห้าแห่งเลยด้วยซ้ำ พวกเขาซื้อเก็บไว้ทำไม? แน่นอนว่าการปล่อยเช่าในลักษณะรายเดือนหรือรายวันเป็นเรื่องลำบาก เพราะนอกจากคอนโดมิเนียมแต่ล่ะแห่งจะมีกฎที่ห้ามเอาไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้นแล้ว ยังเป็นการยากเองสำหรับเจ้าของห้องในการจะจัดการดูแลควบคุมให้เรียบร้อย เท่าที่ทราบ คนที่เขาซื้อคอนโดฯ ไว้หลายที่ก็เพราะเป็นการเก็งกำไรเมื่อพื้นที่ตรงนั้นมีการพัฒนาขึ้น (เช่น ตอนซื้อรถไฟฟ้ายังสร้างไม่เสร็จ แต่ตอนนี้เสร็จแล้ว) และพวกเขาอาจจะได้กำไรจากการขายต่อคอนโดฯ ที่มีความต้องการมากขึ้นและทำให้ราคาขายเพิ่มมากขึ้นไปด้วย แต่นั้นแหละครับ การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ความเสี่ยงอย่างแรกคือหากสายป่านของเราไม่มีกำลังมากพอ เช่น วันหนึ่งจากที่เรามีงานทำมีเงินเดือน 60,000 บาทต่อเดือน เราผ่อนคอนโดมิเนียมอยู่สองหลังต่อเดือน แต่จู่ ๆ เราก็ตกงาน เงินทั้งหมดที่เคยได้รายเดือนหายไป เงินเก็บต้องถูกเอามาใช้ แต่ถ้าเงินเก็บหมดล่ะ สุดท้ายเราก็จะต้องเสียคอนโดฯ ของเราไป หรือเกิดหนี้เสียที่อาจจะทำให้กระทบกับเศรษฐกิจในวงกว้างได้ หากหนี้เสียดังกล่าวมีจำนวนมาก อาจถึงขั้นทำให้เกิดสถานการณ์ฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์แตกก็เป็นได้ ดังนั้น การตัดสินใจโดยระมัดระวังทั้งสองฝ่ายจึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด และน่าจะทำให้สถานการณ์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเราไม่เกิดวิกฤตโดยไม่จำเป็นไปซะก่อน