รีเซต

‘บิ๊กตู่’ สั่งจริงตามตัว152คนไทย หนีกักตัว ฝ่าฝืนลงโทษตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

‘บิ๊กตู่’ สั่งจริงตามตัว152คนไทย หนีกักตัว ฝ่าฝืนลงโทษตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ข่าวสด
4 เมษายน 2563 ( 15:02 )
63
‘บิ๊กตู่’ สั่งจริงตามตัว152คนไทย หนีกักตัว ฝ่าฝืนลงโทษตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

 

บิ๊กตู่ สั่งจริงเร่งติดตาม 152 คนไทยที่ หนีกักตัว ให้มารายงานตัวทั้งหมด ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน สนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าไม่ทำตามมีโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงความคืบห้นาของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 4 เม.ย.ว่า พล.อ .ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการเคอร์ฟิวซึ่งผ่านไปอย่างดีในระดับหนึ่ง

เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีห่วงคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศที่สุวรรณภูมิ ซึ่งมีเหตุขัดข้องมีปัญหาไม่เข้าใจกันเมื่อวานนี้ที่ผ่านมา นายกฯ สั่งการว่า ไม่ควรให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม การประชุมศบค.ซึ่งนายกฯมอบหมายให้ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขา ธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุม เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ได้รายงานสถานการณ์การติดเชื้อในประเทศ พบว่ามีผู้ป่วยหายกลับบ้านแล้ว 612 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริง

ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 89 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 2,067 ราย และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมเป็น 20 ราย โดยเป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีโรคประจำตัวหลายอย่างทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่ง เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่อาการไม่ดีขึ้น จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ การเสียชีวิตที่ประเทศอิตาลีและประเทศสเปน ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นหลักหมื่น สิ่งที่ต้องเตือนใจเมื่อถึงเวลาการแพร่ระบาด ของ 2 ประเทศ นั้นมีการสื่อสารว่าผู้ที่ติดเชื้อนั้นใครจะอยู่ ใครจะไป ใครต้องเสียสละระหว่างผู้สูงอายุกับคนที่หนุ่มกว่า ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดภาพแบบนี้กับคนไทย

ดังนั้นในฐานะที่เป็นแพทย์ไม่อยากตัดสินใจว่าใครควรอยู่หรือใครควรไป ประชาชนยังมีส่วนช่วย เพราะเรายังไม่ไปถึงสถานการณ์อย่างนั้น และต้องไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดมีความเสี่ยงพอๆกัน จึงหวังว่าการประกาศเคอร์ฟิวจะมีส่วนทำให้ตัวเลขการติดเชื้อลดน้อยลง แม้วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงตัวอยู่ที่เพียงสองหลัก แต่ยังไม่น่าพึงพอใจ จึงขอความร่วมมือประชาชนอยู่ในจังหวัดร่วมมือกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมศบค.เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานตัวเลข 158 คนไทย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งต้องรับทราบอยู่แล้วว่าต้องถูกกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ แต่เมื่อเดินทางมาถึงมีความไม่เข้าใจและมีการต่อรอง ไม่ขออยู่ ไม่ร่วมมือ อ้างเหตุผลว่า ไม่ได้ทราบมาก่อน จะขอกลับไปอยู่บ้านพักตัวเองก่อน มีเพียง 6 ราย ยินยอมกักตัวอยู่ในพื้นที่รัฐจัดไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม.

ทั้งนี้ คำสั่งจากที่ประชุมศบค.ระบุชัดเจนว่า ต้องกักตัวในพื้นที่ของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงจำเป็นต้องเรียกตัวอีก 152 คน กลับมารายงานตัวทั้งหมด โดยที่กรุงเทพฯ ให้กลับมารายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (อีโอซี) หรือถ้ามีการสัมผัสตัวญาติให้มารายงานตัวทั้งครอบครัว จะได้บันทึกสอบสวนโรคซึ่งญาติ

หรือผู้ที่สัมผัสจะต้องดำเนินการตามมาตรการและข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขด้วยด้วย หรือโทรศัพท์สอบถามที่เบอร์ 02-132-9950 และเบอร์ 063-234-4734 ส่วนคนที่เดินทางกลับไปต่างจังหวัดแล้วให้ติดต่อที่ศูนย์ดำรงธรรมภายในจังหวัดภายในเวลา 18.00 น.วันเดียวกันนี้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า โดยคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงขอให้กักตัวอยู่บ้านอย่างเคร่งครัด ในลักษณะของ home quarantine เพราะเราไม่อยากให้สุญเสียมากกว่านี้ แม้จะบอกว่าท่านแข็งแรงดี

ส่วนกรณีคนไทยบางส่วนติดค้างในสนามบินต่างประเทศยังบินเข้าไทยไม่ได้ เนื่องจากทางสำนักงานการบินพลเรือน มีประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าประเทศไทยชั่วคราวในวันที่ 4-6 เม.ย.นั้น ผู้ที่ติดค้างสามารถติดต่อไปยังสถานทูตประเทศนั้นๆ เพื่อรายงานตัวและขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ขอเวลา 3 วันไม่ให้มีการนำเข้าอากาศยานมาที่ประเทศไทย เพื่อเตรียมมาตรการรองรับให้เป็นอย่างดี

เมื่อถามว่ากรณีที่จะมีคนไทยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มีข้อมูลตัวเลขและมีกลุ่มใดบ้าง น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จะมีกลุ่มคนที่เข้ามาซึ่งมีการขออนุญาตไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว อาทิ กลุ่มที่ไปร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย ประมาณ 100 กว่าคนจากประเทศมาเลเซียอีก 83 คน กลุ่มนักเรียนจากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ American Field Service ที่มีกลุ่มนักเรียนไปเรียนยังต่างประเทศจะเข้ามาอีกหลักร้อยคน

โดยทุกคนจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามข้อกำหนดและต้องยินยอมโดยจะต้องเซ็นหนังสือให้ยินยอมเพื่อให้อยู่ใน state quarantine หรือพื้นที่ที่ทางรัฐจัดให้นาน 14 วัน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการสื่อสารและโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า นายกรัฐมนตรีสั่งด่วนใช้กำลังทหารและตำรวจติดตามตัว ผู้ที่หลบหนีอยู่นั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ถ้าจะตีความและพาดหัวข่าวในลักษณะดังกล่าวก็มีส่วนถูกต้อง แต่ไม่ได้ทั้งหมด

ยอมรับว่านายกรัฐมนตรีสั่งการจริง โดยเช้าวันเดียวกันนี้ในการประชุมเร่งด่วนมีทั้งฝ่ายทหารตำรวจพลเรือนมาประชุมเร่งด่วน เพื่อสร้างมาตรการดังกล่าวเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐเข้มแข็งและเอาจริง จะไม่ยอมให้มีการประเมินกฎระเบียบที่มีอยู่ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ถูกสั่งการโดยเช้าวันเดียวกันนี้ เลขาสมช.เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามให้ได้ทุกคน และถ้าไม่มา ถือว่ามีความผิด

“เราไม่อยากจะลงโทษกับพวกท่าน เราเป็นห่วงเป็นใหญ่ทุกคนต่างหาก ถึงได้ตามทุกคนมาเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานด้านความมั่นคงร่วมมือผนึกกำลังกันทำงานและทุกคนไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ยังทำทุกอย่างเพื่อประเทศ เพราะตัวเลขทั้งหลายที่เพิ่มขึ้นนั้น เกิดจากกลุ่มคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น” น.พ.ทวีศิลป์ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง