นี่คือยุคของนักลงทุน VI กำลังถูกท้าทายถึงความคิด ความเชื่อมั่น ว่าหลักการลงทุนแบบ Value Investor ซื้อหุ้นดีในราคาถูกจะยังสามารถใช้กับนักลงทุนทั่วไปได้หรือไม่ เพราะหุ้นดีราคาถูกไม่มีเหลืออยู่เลย แม้จะหาไปถึงหุ้นต่างประเทศอย่างเวียดนามแล้วก็ตาม ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุน VI ที่ประสบความสำเร็จเคยยอมรับหลายครั้งว่าส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะโชคและจังหวะที่ถูกต้อง ที่เลือกลงทุนแบบ VI เมื่อปี 2540 และหนังสือเล่มนี้คือการรวมบทความที่อาจารย์นิเวศน์เคยเขียนเอาไว้ เพื่อเป็นแนวทางว่าคนไทยต่อจากนี้ เราควรจะมองการลงทุนอย่างไร เนื้อหาภายในเล่ม 1 ตลาดหุ้นปี พ.ศ. 2568 นิวนอร์มอล 2 ปีแห่งการติดหุ้น 3 หุ้น VI รุ่นใหม่ไม่มีป้อมค่าย-คูเมือง 4 VI ไม่ถือเงินสด 5 สูตรเซียน VI รุ่นใหม่ ถูกที่ ถูกเวลา-ถูกตัว 6 หุ้นอะไรเอ่ย...ไม่แพง 7 กําไรดี แต่หุ้นตก 8 บริษัท ตีแตก จํากัด 9 ค้นคว้าหาหุ้นโลก 10 พอร์ตนี้ดีมีปันผล-คุ้มครองเงินต้น 11 เล่นหุ้นคอร์เนอร์แตก 12 Sudden Death :การตายที่เกิดขึ้นทันที 13 หุ้นผู้บริโภค-วิเคราะห์กันยังไง 14. ทฤษฎีแมลงสาบในตลาดหุ้น 15 วิเคราะห์หุ้นของกินทุกชนิดด้วยยีน 16.เมื่อหุ้นยักษ์คอร์เนอร์แตกตลาดหุ้นจะมีชีวิตใหม่ 17 โกงกันมาก-แก้ยังไง 18 พังเพราะผู้บริหารเล่นหุ้น 19 มาละเหวยมาละวา มาซื้อหรือมาขายตาละลา 20 หุ้นหมายเลขหนึ่งของเวียดนาม 21 Mindset ใหม่ของการลงทุน 22 เส้นทางเศรษฐีหุ้นไทย 23 เส้นทางแห่งความมั่งคั่ง เริ่มจากการกินลูกชิ้นเนื้อวัว 24. เมื่อนักล่ากลายเป็นเหยื่อ 25 ขยันถูกที่ 30 ปีจะรวย 26 เงินซื้อความสุข (ไม่) ได้ 27 กลยุทธ์รักษาความมั่งคั่ง 28 ตกรถหุ้นทศเทพจีน? 29 ความจริงที่โหดร้าย-ความรู้สึกที่สิ้นหวัง 30 เกลียดตัว-ทัวร์ลง-ธุรกิจเจ๊ง-หุ้นตก ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.ธุรกิจที่จะดีหรือมีโอกาสที่จะเป็นซูเปอร์สต็อก จึงต้องมีอีกคุณสมบัติหนึ่งที่สําคัญก็คือจะต้องมีความสามารถหรือความโดดเด่นบางอย่างที่จะป้องกันไม่ให้ผู้เล่นหน้าใหม่หรือคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเข้ามาแย่งลูกค้าได้ ก็คือธุรกิจหรือบริษัทมี “ป้อมค่าย-คูเมือง (Moat)” ที่สามารถป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามายึดปราสาทหรือเมืองหรือธุรกิจของตนเองได้ 2.ถ้าถามว่าหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่คาดว่าจะโตต่อไปเรื่อย ๆ เร็วกว่าเศรษฐกิจโดยรวมนั้น มีตัวไหนหรือกลุ่มไหนบ้างที่มีป้อมค่าย-คูเมือง คำตอบที่ชัดเจนก็คือ มีตัวเดียว นั่นก็คือ หุ้นสนามบิน ที่มีผู้ให้บริการหลักเพียง 1 ราย และนั่นก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้น AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) จึงมีมูลค่ามหาศาลระดับ 1 ล้านล้านบาทและอยู่ในอันดับ 1-3 ของหุ้นใหญ่ที่สุดมานานต่อเนื่อง 3.สินค้าอุปโภคและบริโภคของไทยที่ส่งออกไปขายให้กับคนต่างชาตินั้น มักจะประสบปัญหาที่สำคัญก็คือเรื่องของ “ภาพพจน์” ที่ว่าผู้บริโภคนั้นมักจะ “มองขึ้นอีกขั้น” คืออยากใช้สินค้าของประเทศที่พัฒนามากกว่าตนเอง ดังนั้นถ้าตลาดของสินค้าส่งออกเป็นประเทศที่พัฒนากว่าไทย เขาอาจจะซื้อน้อยลง ลองนึกดูว่าคนไทยชอบสินค้าของประเทศไหน ส่วนใหญ่ เป็นสินค้าของประเทศที่มีการพัฒนาสูงกว่าเรา เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้มากกว่าที่จะมาจากประเทศอย่างเวียดนาม เช่นเดียวกันกับสินค้าของจีนในสมัยที่เขายังพัฒนาต่ำกว่าเรา เราก็ไม่ชอบใช้ แต่เวลานี้เราก็เริ่มใช้แล้วเพราะเขาพัฒนามากกว่าเราแล้ว 4.เราจะต้องลงทุน “ถูกที่” ในตลาดหุ้นของประเทศที่จะเติบโตเร็วต่อไปอย่างน้อยสัก 10 ปี ซึ่งเวลานี้ก็อยู่ในแถบเอเชียตอนใต้ เช่น อินเดีย เวียดนามและอาเซียน ยกเว้นไทยและเมียนมา และต้องเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าสูง อีกทั้งมีความสามารถที่จะสร้างบริษัทระดับโลก อย่างเช่นสหรัฐฯ จีน ไต้หวัน และประเทศในยุโรปหรือสแกนดิเนเวียบางประเทศ 5.เราจะต้องลงทุน “ถูกเวลา” ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่จะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมาเพราะเหตุใด อาจจะเป็นเรื่องของดอกเบี้ยที่ลดลงหรือการที่ประเทศมีเม็ดเงินเหลือเพื่อเตรียมเกษียณ หรืออาจจะเป็นเพราะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศเพื่อหวังผลตอบแทนที่ดีอย่างในกรณีของเวียดนามที่นักลงทุนอาจจะอยากมาหาผลตอบแทนที่ดีได้เมื่อตลาดหุ้นของประเทศได้รับการยอมรับจาก MSCI (Morgan Stanley Capital International) เป็นต้น 6.เราจะต้องลงทุนหุ้น “ถูกตัว” นั่นก็คือ การ “เลือกหุ้นแบบ VI” ที่มีการวิเคราะห์หามูลค่าพื้นฐานและซื้อหุ้นในราคาที่มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety : MOS)” เพียงพอ 7.หุ้นแข็งแกร่งและราคาถูก ควรมีคุณสมบัติดังนี้ 7.1.เป็นหุ้นที่เหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน 7.2.ผู้บริหารซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ 7.3.ผลประกอบการสม่ำเสมอ 7.4.จ่ายปันผลดี อย่างน้อยปีละ 2% ขึ้นไป 7.5.หุ้นแต่ละตัวต้องไม่ผลิตสินค้าที่เป็นโภคภัณฑ์เพียงบริษัทเดียว เพื่อกระจายความเสี่ยง 7.6.หุ้นมีการกระจายในหลายอุตสาหกรรม 7.7.สินค้าของมันไม่ถูก Disrupt 7.8.หุ้นไม่แพง P/E ไม่เกิน 20 เท่า และ P/E ไม่เกิน 10 เท่า หากธุรกิจอิ่มตัวแล้ว 8.ค่าความถูกแพงคือ ค่าอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี หรือ P/BV (Price/Book Value) หรือราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีของบริษัท โดยทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 1 เท่า แต่ในบางกรณีที่บริษัทยังเติบโตได้ หรือเป็นบริษัท ในธุรกิจที่ไม่จําเป็นต้องใช้ทรัพย์สินถาวรในการทําธุรกิจมากนัก ค่านี้ก็อาจจะสูงขึ้นได้ บางทีอาจจะถึง 4-5 เท่าขึ้นไป 9.ค่าความถูกแพงตัวที่สองที่สําคัญก็คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) หรือค่าเงินปันผลต่อราคาหุ้นไม่ควรต่ํากว่า 2 เปอร์เซ็นต์ ในกรณีที่หุ้นยังอยู่ในธุรกิจที่เติบโตระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในขณะที่หุ้น อิ่มตัวนั้นควรจะจ่ายปันผลอย่างน้อย 4 เปอร์เซ็นต์ต่อปีขึ้นไปเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ซื้อ 10.“ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)” ซึ่งพูดสั้นๆก็คือว่า “ถ้าเราเห็นแมลงสาบตัวหนึ่งอยู่แถวห้องครัว ก็จงเชื่อเถอะว่ามันยังมีแมลงสาบอีก หลายตัวที่ซ่อนอยู่และก็จะโผล่ออกมาเรื่อย ๆ” ความหมายก็คือ เมื่อเกิดเรื่อง “ฉาวโฉ่” ซึ่งรวมถึงการบริหารงานบริษัท การซื้อขายหุ้น การใช้ข้อมูลเอาเปรียบผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุน การสร้างสตอรีที่เกินความเป็นจริง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เดิมที่บุคคลภายนอกก็ไม่รู้ แต่แล้วจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เรื่องที่ไม่ดีก็ปรากฏขึ้น ทําให้คนทั่วไปเริ่มเห็นสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นจากความตั้งใจของผู้บริหาร ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่น่า “ขยะแขยง” เหมือน “แมลงสาบ” ตัวหนึ่งที่โผล่ออกมา ย่อมต้องมีหลายตัวตามมาแน่นอน 11.หุ้นจีน 10 ตัว (Terrific Ten) ระดับเทพในสายตา ดร.นิเวศน์ ประกอบด้วย BABA (หุ้นอาลีบาบา), JD.com, BYD, Geely, Xiaomi, Tencent, NetEase, Baidu, Meituan, SMIC (ผู้ผลิตชิป) 12.ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นเรื่องของ “Sell on Fact” นั่นคือ การที่คนในตลาดหุ้นได้คาดไว้ก่อนแล้วว่ากําไรของบริษัทจะออกมาดี และ/หรือคนที่ได้ข้อมูลภายในจากผู้บริหารบริษัทหรือเรียกว่า “Insider รู้ว่างบจะออกมาดี ทําให้พวกเขาทยอยซื้อหุ้นก่อนประกาศงบ ราคาหุ้นก็ทยอย ปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุดในวันก่อนประกาศงบ พองบถูกประกาศว่า ดีจริงตามที่คาด และคนภายนอกทั่วไปแห่กันมาซื้อหุ้น พวกเขาก็จะขายทํากําไร ได้งดงามในเวลาอันสั้น ซึ่งทําให้หุ้นตกลงมาแทนที่จะเพิ่มขึ้น 13.นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มักจะตอบว่า กําไรที่ประกาศนั้นถึงจะดีขึ้น แต่ก็ต่ำกว่ากําไรเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ทั้งหมดคาดไว้ก่อนหน้านั้น หรือที่เรียกว่า “Consensus Earning Estimate” ซึ่งเป็นฐานของการกําหนดราคาหุ้นที่เหมาะสมของนักวิเคราะห์ ดังนั้น ถ้ากําไรของบริษัทที่ประกาศออกมาต่ำกว่ากําไรที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ราคาหุ้นก็จะต้องลดลง ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ และเวลาที่นักลงทุนจะ “ลุ้น” เรื่องกําไรของบริษัท เราก็ควรจะลุ้นว่ากําไรจะดีกว่า "กําไรค่าเฉลี่ย (Consensus)” ของนักวิเคราะห์หรือไม่ ไม่ใช่ลุ้นว่ามันดีขึ้นหรือแย่ลง เทียบกับปีที่แล้วหรือไตรมาสที่แล้ว 14.Rule of Thumb” หรือ “กฎหัวแม่มือ” นั่นก็คือ เป็นเกณฑ์แบบคร่าวๆที่พอจะนำไปประเมินว่าหุ้นแต่ละตัวนั้นควรมีมูลค่าที่เหมาะสมไม่เกินกี่บาท โดยใช้สูตรความถูกความแพงที่อิงกับค่า P/E ของหุ้นแต่ละตัว โดยที่การประกาศงบหรือข่าวดีต่าง ๆ ที่อาจจะเข้ามาเป็นประเด็นที่แทบไม่ถูกนำมาใช้ ยกเว้นแต่ว่ากำไรที่ประกาศออกมานั้นจะถูกนำมาคำนวณหาค่า P/E เท่านั้น 15.สูตรก็คือ หุ้นที่มีคุณภาพปานกลาง มีขนาดใหญ่พอ และอยู่ในธุรกิจมานาน ไม่ถูกดิสรัปต์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ตัวอย่างเช่น หุ้นธนาคารและ สถาบันการเงินทั้งหลาย ถ้ามีค่า P/E ปกติไม่เกิน 10 เท่าเศษ ๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ลงทุนได้ ถ้าเกินไปในระดับ 15 เท่าต้องถือว่าแพงมากก็ขายทิ้ง ไม่ต้องดูว่ากำไรล่าสุดเพิ่มขึ้นหรือลดลงด้วยซ้ำ 16.หุ้นที่ค่อนข้างดีในด้านของคุณภาพ คือเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งในระดับหนึ่งในช่วงเวลานี้ เช่น เป็นหมายเลข 1 หรือ 2 ในอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยการตลาดในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น สินค้าอุปโภคและบริโภคที่ขายให้กับคนทั่วไป แบบนี้ก็ให้ค่า P/E ไม่เกิน 15 เท่า ถ้าจะซื้อลงทุน และก็ต้องเป็นค่า P/E “ปกติ” ซึ่งเราต้องประเมินและอาจจะคำนวณได้ เช่น เอากำไร 5 ปีเฉลี่ยมาใช้คำนวณ หรืออาจจะใช้ “กำไรต่อยอดขาย” ของอุตสาหกรรมมาคำนวณว่ากำไรควรจะเป็นเท่าไร 17.หุ้นของกิจการที่โดดเด่นมาก มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน เป็นแนวซูเปอร์สต็อกที่ชัดเจน คู่แข่ง “แพ้ขาด” ไปแล้วและผู้เล่นใหม่ก็แทบจะเข้ามาแข่งไม่ได้ แบบนี้ก็ให้ค่า P/E ไม่เกิน 20 เท่า ทั้งหมดนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นเกณฑ์ที่อนุรักษ์นิยม เน้นความปลอดภัยสูงในยามที่โลกปั่นป่วนและวิกฤติอาจจะเกิดขึ้นได้ กติกาในการหาหุ้นที่เข้าข่ายสามารถลงทุนได้ จะหายากเต็มที แต่ก็ยอมรับว่าวิธีการดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงได้ และถ้าเราหุ้นตัวนั้นพบ มันก็จะเป็นโอกาสของเรา เครดิตภาพ ภาพปก ภาพที่ 1 / 2 / 3 /4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ หุ้นเปลี่ยนชีวิต โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร รีวิวหนังสือ เล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร รีวิวหนังสือ เด็กวัดดอน ชีวิต ความฝัน และการลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร รีวิวหนังสือ บทเรียนคุณค่า ความสุขและการลงทุน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !