หุ้นไทยยังไม่ผ่านจุดต่ำสุด หาหุ้นเก็งกำไร 'ยาก' แนะรอจังหวะ I WEALTH LIVE
ตลาดหุ้นไทยยังไม่พ้นจุดต่ำสุด-เสี่ยงลงต่อ
คุณณรงค์เดชยังคงมุมมองเดิมว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่ผ่านจุดต่ำสุด เนื่องจากปัจจัยกดดันหลัก โดยเฉพาะความตึงเครียดจากสงครามการค้ายังไม่คลี่คลายและยังไม่ถึงจุดสูงสุด ประกอบกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งการทนทานต่อแรงกดดันของเศรษฐกิจจีน และความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ
"ภาพรวมหลักๆ ยังดูไม่ดี ประเด็นความกังวลเรื่องเทรดวอร์ยังไม่จบ มันยังมีความตึงตัว ตึงเครียดกันอยู่ และยังไม่ผ่านจุดสูงสุดของความเครียดนั้น โมเมนตัมนี้ยังเป็นแค่การเริ่มต้น" นายณรงค์เดชกล่าว
ด้าน Valuation เขามองว่ายังไม่ควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ควรรอผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ออกมาครบถ้วนก่อน แต่จากงบกลุ่มธนาคารที่ส่วนใหญ่ออกมาตามคาด ไม่ได้โดดเด่น และบางแห่งต่ำคาด (KKP, TTB) ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดประมาณการ GDP ไทยลงเหลือเพียง 1.4-1.5% จากหลายสำนัก ทำให้คาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ตามมา ซึ่งจะเปิด Downside ให้กับตลาดเพิ่มเติม แม้ Forward P/E ปัจจุบันลงมาที่ประมาณ 12 เท่าแล้วก็ตาม
"Base Case ที่คำนวณคร่าวๆ อยู่แค่ประมาณ 1,200 จุด ตอนนี้ SET อยู่แถว 1,130 จุด แปลว่า Upside ไม่ได้น่าดึงดูด Fund Flow ต่างชาติก็ยังไม่ไหลเข้า มีแต่ไหลออกด้วยซ้ำ แม้บาทจะแข็งค่า"
ทางเทคนิค ยังมองเห็น Downside โดยกรอบแนวโน้มขาลงอาจลึกถึงระดับ 970 จุด
หาหุ้นเด่นเก็งกำไรยาก - ICT ยังดูดีสุด
คุณณรงค์เดชยอมรับว่า การเลือกหุ้นไทยเพื่อเก็งกำไรตอนนี้ทำได้ยาก หุ้นที่ผลประกอบการพอใช้ได้อย่างกลุ่มธนาคาร ก็เผชิญความเสี่ยงจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงในไตรมาส 2 ส่วนกลุ่มพลังงานเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันที่ยังปรับลง ขณะที่กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) ผลประกอบการทรงตัว ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่โดดเด่น ทำให้ Downside จำกัด แต่ Upside ก็ไม่เปิดกว้างนัก
กลุ่มที่ยังมองว่าน่าสนใจและผลประกอบการน่าจะยังออกมาใช้ได้ คือ กลุ่ม ICT (ADVANC, TRUE) เนื่องจากได้ประโยชน์จากสภาวะการแข่งขันที่ลดลงหลังเหลือผู้เล่น 2 ราย แม้ราคาหุ้นกลุ่มนี้จะไม่ได้ Laggard ตลาด เพราะแข็งแกร่งกว่าตลาดมาตลอด แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้บ้าง แต่ก็จำกัด
"หุ้นไทยตอนนี้ยังเล่นยาก ตัวที่ขึ้นได้ก็ยังพอขึ้นต่อ แต่ตัวที่ลงอยู่ก็ยังลงต่อ ตัวที่อยู่ด้านบนอย่าง ICT มีข้อดีคือแข็งแกร่ง แต่ถามว่าขึ้นเยอะไหม ก็คงจำกัด"
สำหรับกลยุทธ์ในไตรมาส 2 คุณณรงค์เดชแนะว่า นักลงทุนยังต้องเผชิญความยากลำบาก แต่หากมีจังหวะที่ตลาดเกิดการปรับฐานรุนแรง หรือ Crash ลงมา จะเป็นโอกาสในการเข้า "เล่นรอบ" ได้ เนื่องจาก Valuation ตลาดปรับลดลงมาพอสมควร และเศรษฐกิจไทยยังโตได้แม้จะชะลอตัว
"พอตลาดลงมาระดับหนึ่ง มันจะมีจังหวะ Rebound แต่ประเด็นคือมันต้องลงก่อน ตอนจังหวะลงค่อยมาหา Action อีกที ไม่จำเป็นต้องรีบมองหาหุ้นเร็วขนาดนั้น"
อย่างไรก็ตาม เขายังคงให้น้ำหนักการลงทุนใน หุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นจีน มากกว่าหุ้นไทย เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นจีนมีความแข็งแกร่งและฟื้นตัวได้ดีกว่า โดยปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง DR (Depositary Receipt) ของหุ้นจีนชั้นนำ เช่น Tencent, Alibaba, Xiaomi ให้นักลงทุนไทยสามารถเลือกลงทุนได้สะดวกขึ้น